ค น ห ล ง ท า ง

เชียงคำ-ภูลังกา

  •  

เชียงคำ-ภูลังกา
เที่ยวก่อนใคร ชุ่มฉ่ำใจ ในวันฝนพรำ

———–

ช่วงนี้หลายคนอาจจะมองว่า เห้ย! อากาศแบบนี้แม่งน่าเบื่อวะ อยากจะนอนซุกอยู่แต่ใต้ผ้าห่ม ไม่อยากไปไหนไม่อยากทำอะไร เที่ยวไม่ได้ไปไหนไม่ได้ เอาจริงๆ ก็ไม่เคยมีใครให้คำนิยามว่า หน้าฝนนั้นเที่ยวไม่ได้ แค่ไปให้มันถูกที่ถูกทางถูกเวลาก็พอ

ทริปนี้ ผมขอหนีน้ำที่โคตรท่วมจนมีแต่ ทะเลกลางกรุง มาหา #ทะเลหมอกที่ จ.พะเยา ทริปสั้นๆ แบบคิดได้กระทันหัน ปุบปับก็อยากมา แล้วรีบจองตั๋วหาที่พักกันอย่างไว โดยจุดหมายปลายทางของผมครั้งนี้อยู่ที่ #ภูลังกา พูดถึงภูลังกา ใครๆก็คงคุ้นหูชื่อนี้ กับวิวที่มุมติดตา และใฝ่ฝันว่า ‘เอาวะ สักครั้งต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้’

แต่เชื่อเถอะครับ ร้อยละ 90 ของคนจะเที่ยวเหนือ มักจะรอให้ถึงหน้าหนาวเสียก่อน หรือให้พ้นสักช่วงตุลาเป็นต้นไป คือถ้าไปช่วงนั้น โอ้วววว คนท่วมครับ ความสนุกในการเที่ยวจะลดลงไปครึ่งนึง ผมก็เลยรู้สึกว่า ‘เนี่ยแหละ เดือนมิถุนานี้แหละ ที่จะต้องหาโอกาสไป’

เอาจริงๆ หมอกที่นี่ไม่ได้มีแต่หน้าหนาวนะครับ แล้วที่ดีกว่านั้นคือ หมอกจากฝน คือ #ขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่า แค่รอตื่นเเต่เช้ามาดูเหมือนหน้าหนาว แล้วพอสายๆหน่อยก็อันตรธานหายไปอย่างไร้เงา แต่ถ้ามาช่วงนี้ล่ะก็…บอกเลยครับ หลังฝนตก เผลอแปปเดียว หมอกลอย ขึ้นได้เช้า กลางวัน เย็น หรือแม้แต่กลางคืน มีโอกาสเห็นได้มากกว่า 1 ครั้งต่อวันนะเออ ที่สำคัญครับ มาเที่ยวช่วงนี้ คนน้อยมากกกกกก ต่อให้เป็นวันหยุดก็ตาม ธรรมชาติเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียวครับ 5555+ ไม่ว่าจะที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวอะไร คือไม่ต้องไปแย่งกับใคร ชิลเกิ๊นนนนน

การมาเที่ยวในช่วงที่สภาพอากาศเป็นแบบนี้ ถามว่า ‘ฝน’ เป็นอุปสรรคมั้ย พูดกงๆเลยว่า ‘ไม่’ เพราะ มันตกแค่ตอนเช้า กับช่วงกลางคืน 2 เวลาหลักๆเลยครับ ตอนกลางวัน ตอนเย็นก็วิ่งเล่นสบายใจ

ถ้าคุณไม่ใช่คนที่เอาแต่นั่งรอถ่ายภาพแสงตะวัน เช้าพระอาทิตย์ขึ้น เย็นพระอาทิตย์ตก กับฟ้าระเบิดสีสดๆ แสงกระจายทุกทิศทุกทาง ก็ลืมสิ่งเหล่านี้ไปได้เลย

เพราะเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นๆ ดูชุ่มฉ่ำ กับวิวธรรมชาติสไตล์แบบ Earthtone สบายตา ได้มานั่งอยู่ท่ามกลางความเขียวโคตรๆ แบบนี้แล้วสบายใจ๊ สบายยยยใจ ไม่มีแดดร้อนๆ สาดมาให้เหงื่อท่วม มองไปทางไหนก็มีแต่สีขาวๆเขียวๆ ของหมอกและต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์มากในฤดูนี้

การเดินทางของผมในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากมิตรภาพดีๆ จาก #พี่นัท ที่ผมเรียกว่าเฮียแกว่า #มาเฟียภูลังกา 5555+ เป็นผู้ใหญ่ที่ใจถึงพึ่งพาได้ มีความจริงใจแบบคนใจนักเลงๆ อบอุ๊นนน อบอุ่น ใจดีสุดๆ อยู่กับพี่นัทแล้วมีแต่เรื่องสนุกๆ เป็นเจ้าบ้านที่น่ารักมาก ไว้ผมจะพาทุกคนไปรู้จัก ‘มาเฟียภูลังกา’ กันในรีวิวนี้

พี่นัทเป็นเจ้าของ #โฮมสเตย์บ้านทะเลหมอก ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แค่ 1 ปีกว่าๆ ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีเรื่องเล่ามากมาย ลุยจริงอะไรจริง กินอยู่แบบบ้านๆ ในบ้านพักที่โลเคชั่นดีจนน่าอิจฉา อยู่ในจุดที่วิวอลังการล้านแปด แถมราคาก็ยังไม่แพง

———–

#รายละเอียดบ้านพัก

ราคา : หัวละ 300 บาท/คืน พร้อมอาหารเช้า ห้องน้ำรวม มีน้ำอุ่น (ไฟฟ้า) หรือจะเหมาหลังแยก แบบเป็นส่วนตัว ก็ 3000/คืน (นอนได้ตั้งแต่ 2-10 คน แล้วแต่จะพากันมานอน)

ลานกางเต๊นท์ : มีเฉพาะช่วงหน้าหนาวนะครับ ราคาสอบถามตรงกับทางพี่นัทอีกที แต่มีห้องน้ำให้ เป็นห้องน้ำรวม มีน้ำอุ่นให้ (แก๊ส)

***ในส่วนของอาหารเย็น จะไม่ได้มีรวมอยู่ในราคาค่าเข้าพัก แต่ที่นี่จะมีอาหารเย็นขายแยก คือก็สั่งตามเมนูที่มีขาย (จะมีเฉพาะช่วง high season ครับ แม่ครัวช่วงนี้ไม่อยู่ 5555+) หรือจะตุนของกินมาเองจากในเมือง แต่ถ้าใครชอบแบบทำกินเอง ก็ซื้อเครื่อง ซื้อหมู ซื้อผัก อะไรก็ตามใจแล้วมาใช้ครัวที่นี่ทำกับข้าวกินกันก็ได้เลยครับ พี่นัทแกใจดีม๊ากกกก มีอะไรขอได้หยิบยืมได้***

ติดต่อจองห้องพัก : พี่นัท 081-9215799 
Line : nut1000cc 
เพจ บ้านทะเลหมอก ณ ภูลังกา อ.ปง จ.พะเยา
———–

การเดินทางของผม เริ่มต้นจาก สมบัติทัวร์สาขาวิภาวดี ในเย็นวันที่ฝนตกน้ำท่วมกรุงเทพฯ รถติดบนถนนทุกเส้น แถมแท็กซี่ก็หาแทบไม่ได้ จะบ้าตายเอาครับ เกือบตกรถ แทบมาขึ้นรถทัวร์ไม่ทัน

สำหรับการจองตั๋วมาภูลังกา เราจะต้องจองแบบ กรุงเทพฯ-เชียงของ นะครับ แล้วลงที่ บขส.เชียงคำ หลังจากนั้นก็หารถต่อไปที่ภูลังกากันครับ

ตอนแรกก็คิดไว้ว่า เอาน่า มาถึงเชียงคำแล้วจะหาเช่ามอเตอร์ไซค์แว๊นไปภูลังกาสักหน่อย จะได้มีรถแวะเที่ยวไปตามทาง แต่สุดท้ายคือหาไม่ได้จริงๆครับ หารถเช่ายากมากกกก ก็เลยต้องนั่งรอรถประจำทาง #สายเชียงรายน่าน ไปลงที่ภูลังกาแทนครับ ซึ่งรถจะมาแค่วันละรอบเท่านั้น คือช่วงเวลาประมาณ 11.00-12.00 น. มานั่งรอกันให้ดีครับ เฝ้าระวังไว้เลย พลาดแล้วคือพลาดเลย 5555+

ด้วยความที่มาถึงแต่เช้าตรู่มาก 6-7 โมงเช้าเห็นจะได้ แต่ฝนก็ตกแต่เช้าเช่นกัน คือนั่งรถมาพอเข้าเขต จ.พะเยา นี่แบบว่า โอ้วววว หมอกลอยเต็มไปหมด สวยมากกกก นั่งดูวิวจนเพลิน พอถึงบขส.เชียงคำแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุดตก ก็นั่งรอสักแปป ยืดเส้นยืดสายเข้าห้องน้ำให้เสร็จ พอฝนหยุดก็หาเช่ารถสองแถวพาเที่ยวสักหน่อย เหมาคันไปครับ ราคาอยู่ที่ 200-300 บาท แล้วแต่เราจะตกลงครับ

ส่วนของผม ที่แรกที่จะไปนี่ คือ #อ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำ ซึ่งจะอยู่เลย บขส.เชียงคำมาประมาณ 10 กิโลครับ เห็นหมอกลอยฟุ้งๆ ก็แอบคิดในใจ บรรยากาศต้องสวยและดีมากๆแน่ๆ 5555+ หลังจากหาข้อมูลมาล่วงหน้า มาถึงก็ลุยเลยครับบบบ

อากาศหลังฝนตกใหม่ๆนี่มันดี๊ดี สดชื่นมากกก ได้กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า

มุมนี้คือมุมที่ผมชอบมากครับ ไม่เคยคิดเลยครับว่าอารมณ์แบบนี้ สถานที่แบบนี้นี่คือประเทศไทย ที่ครั้งนึงเคยอุณหภูมิสูงถึง 40 กว่าองศา

ทุกๆอย่างรอบตัวมันดูเย็นๆ ชุ่มฉ่ำ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ประเทศเมืองหนาว แต่ความสวยงามอยู่ใกล้แค่นี้ ไม่ต้องบินไปไหนให้มันไกลครับ เที่ยวบ้านเรานี่แหละดีที่สุดแล้ว

ปกติที่นี่จะมีให้ล่องแพกันด้วยนะครับ ใครมาแถวนี้ลองมาสอบถามกันดูได้ครับ

มุมมุ้งมิ้งก็มาครับ 555+

เดินเล่นถ่ายรูปที่นี่กันจนเพลินแล้ว เราไปสถานที่ต่อไปกันเลยดีกว่าครับ…

เที่ยวอ่างเก็บน้ำเสร็จ ก็โดดขึ้นรถสองแถว แล้วมากันที่ #พิพิธภัณฑ์บ้านไทลื้อแม่แสงดา กันเลยครับ ผมว่าคนพะเยาน่าจะรู้จักกันดี กับบ้านหลังนี้ ที่เป็นบ้านไทลื้อแบบเดิมๆ และยังมีอะไรอีกมากมายที่ยังคงอนุรักษ์มาจนทุกวันนี้

มาที่นี่เข้าชมฟรีนะครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่อาจจะช่วยบริจาคบ้างเล็กๆน้อยๆหยอดใส่ตู้ครับ สนับสนุนการทำนุบำรุงบ้านหลังนี้ให้อยู่กับคนรุ่นหลังไปนานๆ เพราะจากที่ถามคุณยายเจ้่าของบ้านมา ก็บอกเลยว่า ‘บ้านหลังนี้ 70 กว่าปีแล้ว’ ก็ย่อมเก่า ผุพังไปตามกาลเวลา

นี่จะเป็น คุณยายแสงดาเจ้าของบ้านครับ ร่างกายยังแข็งแรง เดินเหินคล่องอยู่เลย น่ารักมากๆ

เรามาดูบรรยากาศภายในบ้านกันครับ จะมีของเก่าๆโบราณมากมาย

ภาพถ่ายตรงมุมนี้ แค่ยืนดูในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็ทำให้เราได้เห็นแต่ละช่วงเวลาในช่วงชีวิตต่างๆของบ้านหลังนี้และของคุณยายได้ดีเลย

ของที่ระลึกอะไรก็มีขายนะครับ ช่วยกันอุดหนุนได้เลย

ส่วนด้านล่างบริเวณใต้ถุนบ้าน จะเป็นมุมที่มีเครื่องทอผ้ามากมาย และมีคุณยายนั่งทอผ้าอยู่อย่างประณีต

สองเท้านี้ที่ทอผ้ามาแล้วไม่รู้กี่ผืนต่อกี่ผืน

เสร็จแล้วเราก็ไปต่อกันที่ #วัดนันตาราม กันเลยครับ วัดนี้เป็นอีกวัดที่ขึ้นชื่อ ของ จ.พะเยา ซึ่งเป็นวัดที่สร้างจากไม้สักทั้งหลังสวยงามมากๆ เราก็แวะไหว้พระขอพรกันหน่อย

เอาละครับ หลังจากที่เราไปวัดกันเสร็จแล้ว ก็เป็นเวลา 10 โมงกว่าเห็นจะได้ ก็เลยกลับไปที่ บขส.เชียงคำ หาก๋วยเตี๋ยวนั่งกินรองท้องให้เรียบร้อย แล้วไปนั่งรอรถเชียงราย-น่าน กันที่ท่ารถ นั่งได้ไม่นานครับ สัก 11.30 รถก็มาตามที่คาด ก็รีบไปต่อคิวขึ้นรถเลยยยย

รถจะเป็นรถแอร์นะครับ ลงที่ภูลังกา คนละ 50 บาทเอง ถูกมากกกกก บอกกับคนขับเลยครัับว่า #ลงที่บ้านทะเลหมอก จะจอดให้หน้าบ้านเลยครับ ดีไปอีกกกก

พอมาถึงก็ได้พบกับพี่นัทเลยครับ พี่นัทเป็นเจ้าของบ้านทะเลหมอกแห่งนี้ ออกมาในชุดนอน เสื้อขาว กางเกงเลสีแดง ต้อนรับแขกแบบสบายๆ เป็นกันเองสุดๆ 5555+

บ้านทะเลหมอก จะตั้งอยู่ตรงจุดที่เรียกว่า นี่แหละๆๆๆ ตั้งอยู่หน้าหนอกเขาเล็กๆ ที่เป็นมุมยอดฮิตของภูลังกากันเลยยยย มาถึงก็วางข้าวของ พักเหนื่อยกันสักแปป พี่นัทก็พาผมไปเที่ยวน้ำตกกันครับ #น้ำผาธาร อยู่ใน #อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน เป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้ๆ ที่พัก ประมาณ 5 กิโลได้ ซึ่ง 5 กิโลนั่งรถไปแปปเดียวก็ถึง ระยะทางก็ดูไม่ไกล แต่เชื่อมั้ยครับ ว่านี่แหละ คือเข้าไปในเขต อ.สองแคว จ.น่าน แล้วววว 5555+ มาทริปเดียวได้เที่ยว 2 จังหวัดเลยนะเนี่ย

มาเที่ยวน้ำตกกันนี่ ถามว่ามารถอะไร ?

นี่เลยครับ พี่นัทเล่นเอาเบนซ์รุ่นคลาสสิค ลุยดิน ลุยโคลน ขับประนึงว่ามันคือรถโฟร์วีลไปอี๊กกกก พี่แกว่า ‘ซื้อมาใช้ไม่ได้ซื้อมาชม’ ก็นั่นเลยครับตามคอนเซ็ปต์เฮีย

และแล้วเบนซ์ก็กลายเป็นรถลุยดอยไปซะงั้น 5555+
.
.
พอมาถึงที่อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกินกันแล้ว โอ้ววว เสียงน้ำตกซู่ซ่าลอยมาแต่ไกล แหม…เสียงนี้ได้ยินแล้วมันเร้าใจบอกไม่ถวกกกก น้ำต้องเยอะและสวยมากๆแน่ๆ นี่ขนาดได้ยินแบบโคตรไกลนะ แต่มโนไปเยอะแล้ววววว

ลงจากรถแล้ว ก็เตรียมกล้องเตรียมอะไรกันให้พร้อมแล้วออกเดินทางกันครับ…ใช่ครับ เราต้องออกเดินทาง ไม่ใช่ขับรถมาแล้วถึงแล้ว เราต้องผ่านป่าผ่านเขาไปประมาณ 400 เมตรครับ ระยะทางฟังดูใกล้ๆ แต่อย่าลืมนะครับ เดินบนเขากับทางลื่นๆ เหนื่อยอยู่เหมือนกัน เรียกเหงื่อออกมาได้เยอะเชียว นี่ก็แอบลื่นเอาตูดไถไป 2-3 รอบเหมือนกัน เดินกันค่อยๆระวังนะครับ

เป็นการเดินป่าย่อมๆ ที่จะผมนั้นลุ้นกับน้ำตกที่จะได้เจอจริงๆว่าภาพจะออกมาเป็นแบบไหน เพราะตลอดทางที่เดินไป ได้ยินเสียงน้ำกระทบหินตลอด ชุ่มฉ่ำหัวใจดีแท้ๆ

ด้วยความที่ผมเป็นคนสมบัติเยอะครับ มาทีก็ต้องพกทั้งกล้อง ขาตั้งกล้อง กับเลนส์เอามาเผื่อๆ ก็ต้องมีกระเป๋าที่ขนาดพอดีๆ สะพายแล้วคล่องตัว ซัพพอร์ตหลังเราดีๆหน่อย กับเจ้าใบนี้เลยครับ จาก #LoweAlpine เป็นรุ่นล่าสุดที่กำลังจะเข้าไทยเร็วๆนี้ ที่ KaranaTravelGear จะนำเข้ามาให้ได้ใช้กัน

ผมว่าเจ้าใบนี้ใช้ได้ทั้งผู้หญิง-ผู้ชายเลยครับ เพราะขนาดไม่ใหญ่เกินไป ดีไซน์เรียบๆสวยดีทีเดียว เวลาไปทริปสั้นๆ แบบไม่เกิน 3 วัน 2 คืนนี่ก็เหมาะมาก เห็นแบบนี้ช่องยาวและลึก จุได้เยอะใช่เล่นเลย

เมื่อเดินมาถึงตรงยอด จนสุดทาง…

มองไปข้างหน้าคือแทบจะหยุดหายใจ เว่อร์ไปมั้ยไม่รู้ รู้แต่ว่า ทั้งน้ำตก ทั้งบรรยากาศ คือมันลงตัวเเละสวยมากจริงๆ เหมือนเราอยู่ท่ามกลางป่าลึก ทั้งที่จริงๆเดินเข้ามาแค่ 400 เมตรเท่านั้น

ความเขียว ความชุ่มชื้นแบบนี้ เป็นอะไรที่ฤดูไหนๆก็ให้ไม่ได้ครับ นอกจากฤดูฝน…

แล้วการมาเที่ยวเหนือช่วงนี้นะครับ ข้อดีอีกหลายอย่างที่นอกจากหมอกตลอดวัน กับอากาศที่โคตรดีแล้ว การไปเที่ยวน้ำตกคือจะเป็นอะไรที่สวยมว๊ากกกกกก พลาดไม่ได้ที่จะต้องมาแวะกัน น้ำจะเยอะ ไหลแรงพอดีๆกำลังสวยสุดๆ

ขอนไม้ใหญ่ต้นนี้ ไม่รู้ว่าด้วยความบังเอิญ หรือความตั้งใจของธรรมชาติ ที่ทำให้มันมาอยู่ตรงนี้อย่างลงตัว กลายเป็นที่นั่ง ให้เราได้ห้อยขา พูดคุยกันอยู่ตรงนี้

ได้ฟังเสียงน้ำตก และยังมีละอองนํ้าจากนํ้าตกที่ลอยมากระทบหน้าเบาๆ

ออกจากน้ำตกมา เราจะไปที่ #ถ้ำพระสงฆ์ กันต่อครับ ระหว่างทางก็เจอกับสิ่งที่เรียกว่า ‘กู่ข้าวกู่น้ำ’ ที่ทำขึ้นเพื่อประกอบพิธีตามความเชื่อของชาวบ้าน

มาครับ เลยจากน้ำตกมาได้ 2 กิโล ก็ถึง #ถ้ำพระสงฆ์ กันแล้ว เรามาเดินดูภายในถ้ำกันครับ

เดิมที ที่นี่จะเป็นที่ที่มีพระมานั่งสมาธิ วิปัสสนา ภายในถ้ำกัน แต่ปัจจุบันได้ย้ายไปบริเวณด้านนอกถ้ำกันแล้ว เพื่อเปิดให้กลายเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาแวะชมได้

มาที่นี่ก็เข้าฟรีนะครับ ภายในก็จะเป็นหินงอกหินย้อย แต่ว่าถ้ำนี้ จะค่อนข้างมีชั้นหินที่สูงมาก บริเวณด้านบน ก็จะมีทางเดินให้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้อีก จะได้มาปีนป่าน ฝึกกำลังขากันหน่อย

บันไดก็จะเสียวๆหน่อย ขั้นเล็กนิดเดียวครับ

และเเล้วครับ…พี่นัทก็พาผมเดินขึ้นมาจนถึงยอดถ้ำเลยทีเดียว 5555+

พี่แกบอกตอนเด็กๆ แกมาวิ่งเล่นปีนขึ้นลงบ่อยๆ ก็เลยค่อนข้างชำนาญทาง แต่ถ้ามากันเอง ไม่มีคนในพื้นที่นำ อาจจะไม่แนะนำนะครับเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้ามีแบบพี่นัทนำมาเที่ยวละก็ สบายครับ…พาวิ่งไปทั่ว เดินๆปีนๆ จนมาถึงปล่องถ้ำบนสุดได้ไงก็ไม่รู้ สูงประมาณตึกเกือบ 10 ชั้นได้ครับ วิวด้านล่างก็จะเป็นภูเขา ที่ถือว่าเป็นเขตของ จ.น่านแล้ว

นี่ครับ ชุดนอนตัวเดียว เปรี้ยวไปทั่วภูลังกา 5555+ สีกางเกงพี่แกก็แจ๊มมมมแจ่มมมม ใส่ทีนี่ถ่ายรูปโคตรขึ้น

พี่นัทเป็นคนง่ายๆจริงๆครับ แค่ชุดนอนก็พาทัวร์ ขับเบ๊นซ์ไปลุยดอยได้ โคตรมีสไตล์ 5555+

เดินมาจนสุดทางแล้ว ก็ได้เวลาลงเขาแล้วครับ

เจ้าหนอกนี้ กลายเป็นแลนด์มาร์คของภูลังกาไปโดยปริยาย และมุมเด็ดที่เราเห็นกันประจำ คือมักจะถ่ายจากมุมสูงๆด้านบนบ้านพักลงมา

จริงๆแล้ว เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้เรียกว่า ภูลังกา นะครับ คือมันแค่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับ #วนอุทยานภูลังกา คนก็เรียกเหมารวมกันไปตามความเข้าใจแบบง่ายๆ เจ้าหนอกนี้แท้จริงเค้ามีชื่อว่า #ผาช้างน้อย นะครับ

เห็นจากมุมสูงมาก็เยอะแล้ว วันนี้พี่นัทก็เลยพามาดูในแบบที่เห็นได้ระดับสายตา ใกล้ชิดสนิทสนมเลยทีเดียว จากเส้นทางที่ขับออกมาจาก ถ้ำพระสงฆ์ ซึ่งจะมีซอยเล็กๆ เป็นดินแดงๆ โคลนๆ (ทางผ่านขากลับบ้านทะเลหมอกพอดี) ก็เลี้ยวเข้าไปเลยครับ คือถ้าดินเปียกๆอาจจะยากหน่อย ทางจะเละๆ ได้ แต่ถ้าขี่เข้าไปเรื่อยๆมันจะเข้าไปใกล้ๆหนอกเขานี้ได้เลย มาถึงก็ขอถ่ายรูปคู่กันสักหน่อย มองมุมไหนๆก็หล่อนะครับ เจ้าผาช้างน้อยเนี่ย

พี่นัทบอกว่า เคยแบบเอามอเตอร์ไซค์วิบากของแกมาลุย ตอนดินเละๆ สุดๆ ก็คงกะว่าลุยเอามันส์ เท่านั้นละครับ บันเทิงเลย…ทางเละจัด จนแม้แต่มอเตอร์ไซค์วิบากยังไม่รอด เลยต้องจอดแหง๊กไว้แบบนั้นครับ ผ่านไป 1-2 วัน ค่อยไปเอารถ รอดินแห้งให้เอารถออกมาได้ก่อน 5555+

จุดหมายปลายทางต่อไป คือนี่เลยครับ #วนอุทยานภูลังกา สิ่งนี้แหละที่เรียกว่าภูลังกาของแท้เลย

เป็นจุดชมวิว ชมทะเลหมอกอีกจุดนึงที่ต้องเเวะมา ถ้ามาหน้าฝนแบบนี้ ตกเย็นอากาศชื้นๆก็มีหมอกขึ้นนะครับ หรือจะมาหนาวๆหน่อย ขึ้นมาดูหมอกตอนเช้า แต่อาจจะเหมาะกับสายลุยๆหน่อย เพราะต้องเดินเท้าขึ้นมาอีก 3-4 กิโล แต่ขึ้นมาแล้วก็จะเห็นวิวได้แบบ 360 องศา ความสวยงามก็แตกต่างกันตามช่วงเวลา ขึ้นมาเช้าก็แบบนึง กลางวันก็แบบนึง ตกเย็นก็แบบนึง

เดินเล่นชมเส้นทางธรรมชาติไปเรื่อยๆครับ ไม่กี่อึดใจก็ถึง รับรองว่าประทับใจแน่นอน

ใกล้แล้วๆๆ อีกนิดนึง ฮึดๆกันหน่อยยยย

มาถึงด้านบนกันแล้วววว อากาศดี๊ดี วิวก็ดี มาเดินเล่นบนยอดภูลังกากันดีกว่าครับ

มาเป็นผู้พิชิตยอดภูลังกากันนนน

พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว ก็ได้เวลาที่ผมต้องกลับไปที่บ้านทะเลหมอกกันแล้ว วันนี้ทั้งวันเที่ยวสบายๆ อากาศดีมาก ไม่มีแดดร้อนๆมากวนใจ อากาศสบายๆ

อากาศเป็นใจแค่ไหนไม่ต้องถามครับ หันไปอีกที อ้าวววว เล่นกันแล้วหรอ 5555+ 😁😁😁

ภายในห้องพักนะครับ แบบนี้จ่ายหัวละ 300 พร้อมอาหารเช้า ถ้ามาหลายคนมีที่นอนให้ปูเพิ่ม ห้องกว้างมากนะครับ ที่เหลือเฟือ แล้วก็มีพัดลมให้ อยู่ที่นี่ไม่ต้องใช้แอร์เลยครับ อากาศเย็นสบาย ขนาดนอนเปิดแค่พัดลม ดึกๆยังแอบหนาว ต้องซุกผ้าห่มกันเลย 555+

ทีนี้เรามาดูภายในบ้านพักกันบ้างครับ ด้วยความที่ที่นี่เป็นโฮมสเตย์ บรรยากาศก็จะเป็นสไตล์บ้านๆ ง่ายๆ หลังเล็กๆแต่อบอุ่น

การจะมาพักที่โฮมสเตย์นั้น คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า #กินง่ายอยู่ง่ายแค่ไหน? เพราะจะเอาความรู้สึกเหมือนเวลาไปนอนโรงแรมหรู ที่มีทุกอย่างให้เพียบพร้อมมาเปรียบเทียบ ‘มันเป็นไปไม่ได้ครับ’ จะมาถามหาแอร์ อยากได้อะไรที่สะดวกสบายทุกอย่าง การนอนโฮมสเตย์จะเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสำหรับคุณเลย

พี่นัทเองก็รู้สึกว่า อยากให้คนที่มาพัก เป็นในแบบที่เข้ากับเรามากที่สุด มากินมานอน มาอยู่กับเจ้าของบ้านแบบง่ายๆ เหมือนเราอยู่กับคนในครอบครัว สบายๆเป็นกันเอง ตื่นมาดูหมอก ตกกลางคืนดูดาว เข้านอนไปพร้อมๆกัน นี่คือสิ่งที่การไปนอนโรงแรมใหญ่โต มีครบทุกอย่างจะไม่มีทางทำให้คุณรู้สึกแบบนี้ได้

ยิ่งถ้าไปในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นๆ เราจะยิ่งเหมือนเป็นพี่น้องกับเจ้าของบ้านไปโดยปริยาย ได้นั่งเล่นเสวนากันอย่างเป็นกันเอง มันยิ่งสุขใจ

ก็นั่นแหละครับ กางเต๊นท์นอนมันในบ้านก็ได้นะ 5555+

ตรงนี้จะเป็นมุมกินข้าว ส่วนภาพชาวเขาที่ยิ้มน่ารักๆอยู่ตรงมุมนั้น คือ แม่ของพี่นัทครับ ซึ่งปกติจะไม่ได้นอนอยู่ที่นี่ จะเดินไปเดินมาระหว่างบ้านกับโฮมสเตย์ ระยะทางก็น่าจะเกือบ 1 กิโลได้ครับ แต่ปกติชาวเขาจะมีสุขภาพที่แข็งแรงกันอยู่แล้ว ถึงจะอายุเยอะก็ไม่ใช่ปัญหา ขึ้นเขาลงห้วยกันมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เดินแค่นี้สบายมากๆ

ถึงแม้จะเป็นโฮมสเตย์เล็กๆ แต่ที่นี่ก็มี ทีวีมีเคเบิ้ลให้ดูนะครับ แถมยังมี wifi ให้ใช้ด้วยยย ไม่ธรรมดานะครับบบ

ตกกลางคืน หลังจากเราอาบน้ำ กินข้าวเย็นอะไรกันเรียบร้อย ก็มานั่งตั้งวงคุยกัน ย่างหมู กินลมชมวิวอยู่หน้าบ้าน แต่หน้าบ้านพี่แกไม่ธรรมดานะครับ แอบมีผับย่อมๆ ที่แกทำเองอะไรเอง 5555+

จริงๆก็ไม่เชิงผับหรอกครับ ช่วงเช้า-กลางวัน ก็เป็นที่นั่งดื่มกาแฟ พักผ่อนหย่อนใจของขาจรที่ผ่านไปมาทั้งหลาย เพราะว่าหน้าบ้านพี่นัท จะมีร้านกาแฟอยู่ด้วย โดยจะมีสหายใกล้ชิด ชื่อ ‘เก่ง’ เป็นคนดูแลร้าน เดิมทีเก่งก็เป็นคนที่เคยทำหน่วยงานรัฐ ทำงานพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนมาก่อน เป็นคนนครฯนะครับเนี่ย ทำไปทำมา ก็มาเปิดร้านกาแฟอยู่บนเขาที่ภาคเหนือ พี่นัทชวนๆกันมาทำ ก็เลยได้มาอยู่ที่ภูลังกานี้ ช่วยกันดูแลทำโฮมสเตย์ไปด้วยกัน

พอสักค่ำหน่อย พี่นัทก็ไปเอาโคมลอย ให้มาลอยกัน เฮียแกของเล่นเยอะครับ แกว่ามีซื้อมาตุนไว้ให้ลูกค้ามีกิจกรรมอะไรทำช่วง high season นี่ก็คิดอะไรอีกมากมายหลายอย่างในหัว เป็นเจ้าพ่อโปรเจ็คของเเท้เลยครับ

ชุดนี้ใส่ตั้งแต่เมื่อวานตอนกลางคืนจนนี่ผ่านมาถึงอีกคืนนึง 5555+

เรามาปล่อยโคมลอยกันดีกว่า…

ด้วยความที่ว่า ท่ามกลางป่าเขา ท้องฟ้าจะค่อนข้างมืดมาก เห็นดาวชัดและเยอะมาก และที่สำคัญเลยครับ ทางช้างเผือก ที่สามารถมองเห็นได้ลางๆด้วยตาเปล่า เพราะปกติการจะมองเห็นทางช้างเผือกได้ ต้องใช้กล้องช่วยล้วนๆ แต่ก่อนอื่นเราก็ต้องทำการบ้าน ดูเวลาและทิศที่จะขึ้นไว้ก่อน เสร็จแล้วก็ตั้งกล้องถ่ายกันเลย

เช้ามาไฮไลท์ที่ต้องไม่พลาด คือหมอกที่จะลอยฟูรอบๆ ผาช้างน้อย ซึ่งวิวนี้บอกเลยว่าคือระเบียงหลังบ้านพี่นัทเลยครับ

เอาจริงๆ ถึงแม้คุณจะไม่ได้พักที่นี่ แต่ก็สามารถเดินมาดูวิวนี้ได้เช่นกัน เพราะตรงบริเวณข้างๆบ้านทะเลหมอก พี่นัททำเป็นจุดแวะให้ถ่ายรูปสำหรับคนที่ขับผ่านไปมา ก็จะสามารถมาจอดรถแล้วแวะถ่ายรูป ชมวิวกันได้เลย พี่แกไม่มีหวง แถมยังมีห้องน้ำฟรีให้เข้าอีก เวลาคนที่ขับรถสัญจรไปมาก็เลยพากันมาแวะที่นี่อยู่เรื่อยๆ เป็นจุดพักรถเพียงจุดเดียวของถนนเส้นนี้ทั้งเส้น

ด้านล่างจะเป็นลานกางเต๊นท์ ที่มีไว้สำหรับช่วงหน้าหนาวที่คนจะมากันเยอะหน่อย จำนวนห้องพักก็จะไม่เพียงพอ ใครพกเต๊นท์มาก็มาเช่าที่กางกันได้ครับ

เรามาดูมุมด้านล่าง ในระดับเดียวกันกับผาช้างน้อยบ้างดีกว่า ด้านล่างนี้ก็วิวดีไม่เบา

ใครผ่านไปผ่านมาก็มาสั่งน้ำสั่งกาแฟดื่มกันชิลๆสักแก้ว วันเวลาแบบนี้ ในสถานที่ ไม่ต้องใช้ชีวิตให้มันรีบร้อนอะไร ปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ

พอสักสายๆหน่อย ฝนก็ตกลงมาปรอยๆ และแล้วหมอกก็มาในช่วงนี้อีก ลอยไปลอยมา แต่ครั้งนี้หมอกจะลอยสูงหน่อย ปกคลุมไปทั่วบริเวณยอดเขา

มาแล้วก็มาแวะถ่ายรูปกันตรงนี้สักหน่อย

นี่เลยครับภูมิใจนำเสนอมาก ด้วยความที่พี่นัทแกจะชอบอะไรคลาสสิคๆ เดิมๆ นี่รถคันนี้ของพี่นัทก็แอบเท่ไม่เบา รถขาลุยจริงๆ

เอาละครับ นี่ก็หมดไปครึ่งวันแล้ว วันนี้ผมต้องรีบไปขึ้นรถกลับช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเย็นได้ เหลือเวลาอีก 4-5 ชม. พี่นัทก็พาทัวร์เชียงคำกันสักหน่อย เห็นลุ๊คนี้แล้วมาเฟียปะล่ะ 555+ นี่มาเฟียภูลังกาชัดๆ หลังจากที่เมื่อคืนเราตั้งวงนั่งเล่นนั่งคุยกัน ก็รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ชีวิตผ่านอะไรมาเยอะมากครับ ช่วงหนุ่มๆนี่เฟี้ยวสุดๆ ห้าวสุดๆ เคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแบบสุดโต่ง เคยเที่ยวแสงสียามค่ำคืนมาอย่างหนักหน่วง จนวันนึงพี่นัทก็บอกว่า #มันจะถึงจุดที่เรารู้สึกว่าพอไปเอง

นั่นแหละครับ…แล้วพี่นัทก็ย้ายออกมาอยู่ต่างจังหวัด ไปแม่สอดบ้าง พะเยาบ้าง กลับมาใช้ชีวิตง่ายๆ ที่แสนจะธรรมดา มากลายเป็นพ่อบ้านที่ดูแลทำความสะอาด ทำกับข้าวอยู่ที่นี่ มีความสุขแบบง่ายๆ อยู่กับบ้านไม้หลังเล็กๆ ที่ปรับมาเป็นโฮมสเตย์ นั่งจิบเบียร์อยู่ริมระเบียงสงบๆอยู่กับผาช้างน้อย คอยดูแลลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามา เงินทองที่มีจากที่เคยเอาไว้เที่ยวเพื่อตัวเอง ก็เอามาพัฒนานั่นนี่อยู่ที่บ้าน หรือแม้แต่เอาเงินส่วนตัวทำอะไรเพื่อส่วนรวม

พี่นัทเป็นคนตรงๆ พูดจากวนๆ ใจนักเลง แต่เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่น่านับถือ ผมนี่คิดเลยว่าในวันข้างหน้า ผมต้องได้กลับมาหาเฮียแกซ้ำๆๆ อย่างแน่นอน

เมื่อเราออกจาก อ.ปง กันมาแล้ว สถานีต่อไปก็เข้าสู่เขตเชียงคำกันเลย มาเหนือทั้งทีจะไม่กินอาหารเหนือได้ไง ก็แวะมานั่งกินขนมจีนน้ำเงี้ยวกันที่ร้านหน้าวัดบุญนาคกันหน่อย อร่อย เข้มข้น ราคาไม่แพง

ข้าวซอยก็มาาาา อิ่มจนพุงกางเลย

กินอิ่มแล้วต่อไปเราจะแวะไปที่ #น้ำตกภูซาง กันครับ ขับออกไปจนถึง #อุทยานแห่งชาติภูซาง ที่นี่จะมีร้านค้าร้านอาหาร เป็นเหมือนที่พักผ่อนหย่อนใจ ก็มีมุมให้นั่งกันมากมาย มาช่วงนี้นี่กำลังดีเลยครับ น้ำตกกำลังสวย น้ำเยอะกว่าหน้าอื่นๆ

ต้นไม้ต้นนี้ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าชื่อต้นอะไร แต่ท่าทางจะอยู่มาหลายปีแล้วแน่นอน ของจริงต้นใหญ่มากกกก สูงมากกกก ตั้งเด่นอยู่ในเขตอุทยานเลย

จริงๆที่นี่จะมีเส้นทางเดินไปยังมีบ่อน้ำอุ่นด้วยนะครับ เนื่องผมค่อนข้างทำเวลา เลยไม่ได้เดินขึ้นไป ที่น้ำตกภูซางนี้ ขึ้นชื่อว่า #เป็นน้ำตกอุ่น ด้วยความฉงนสงสัยว่าอุ่นจริงมั้ย ก็ลองเอาเท้าไปจุ่มๆดู

โอ้ววว ทำไมน้ำเย็นแฮะ 55555+
สงสัยเพราะมาหน้าฝนน้ำเลยเย็นๆ เพราะมีน้ำฝนปนอยู่ด้วย มาหน้าอื่นน้้ำอาจจะอุ่นดังเขาว่ากัน

ต่อไปเราก็เลยไปที่ชายแดนบ้านฮวกกันหน่อยครับ ปกติถ้ามาช่วงฤดูหนาว แล้วมาให้ตรงกับวันที่จะมีตลาดชายแดน บรรยากาศก็จะคึกคักมากครับ มีชาวบ้านมาขายของกัน หมอกก็ลงปกคลุมทั้งหมู่บ้าน

แต่นี่เราขับเลยมาตรงบริเวณด่านข้ามชายแดนกันเลย แวะมาวิ่งเล่นแถวนี้กันสักนิดนึง

ด่านบ้านฮวกนี้ คนไทยข้ามไปไม่ได้นะครับ แต่คนลาวเข้ามาไทยได้ เอ๊ะ! ยังไงวะ งงจัง 5555+

เอาเป็นว่าถ้าจะข้ามด่าน คนไทยคงต้องไปด่านอื่น หรือถ้ามีความพยายามมากพอก็ปีนข้ามเขาทั้งลูกไปแทนนะครับ 😁😁

หลังจากตระเวนไปกันมาทั่ว พี่นัทก็พาไปเที่ยววัดกันต่อหลายวัดมาก อิ่มบุญสุด สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงคำ ส่วนใหญ่จะเป็นวัดนะครับ นอกจากนี้ก็จะมีภูอานม้าที่ยังไม่ได้แวะไป ซึ่งทริปสั้นๆครั้งนี้ของผมมีเวลาที่ไม่เพียงพอ ไว้ใครมีโอกาสได้แวะมา ก็เที่ยวเผื่อผมกันด้วยน๊าาา

จบทริปสั้นๆที่แสนประทับใจ กลับกรุงไปพร้อมความสุขที่ได้รับมากมายจากธรรมชาติและผู้คนที่นี่ แล้วผมจะกลับมาหาอีกแน่นอน

อ่านรีวิวนี้จบกันแล้ว ก็เตรียมแบกเป้แบบไม่ต้องกลัวฝนกันเลยครับ ฤดูนี้เป็นฤดูที่ชุ่มฉ่ำใจที่สุด ได้สัมผัสบรรยากาศที่เหมือนหน้าหนาวก่อนใคร แถมยังได้เที่ยวแบบเต็มที่ไม่ต้องกังวลเรื่องผู้คน

เราต้องลุยให้ได้ทุกสถานการณ์ครับ
ฝนตกอย่างมากก็แค่เปียก อีกสักแปปมันก็แห้ง และเท้าเราก็ยังก้าวต่อไป อย่่าให้ฝนมาเป็นอุปสรรคของการเดินทาง ทั้งที่เราก็สามารถเดินทางไปพร้อมกับสายฝนได้

ฝนตกเพื่อให้ฟ้าเปิด เพื่อทำความสะอาดธรรมชาติ เพื่อทำความสะอาดอากาศรอบตัวเรา ความรู้สึกหลังฝนเพิ่งหยุดใหม่ๆ เป็นอากาศที่ดีต่อปอดเรามากที่สุด มีกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า กลิ่นไอธรรมชาติ มันทั้งสดชื่น ทั้งสุขใจ 🙂

#LostInPhayao2017 #KaranaTravelGear #บ้านทะเลหมอก


  •