ค น ห ล ง ท า ง

ชุมพร ล่องแพ​ ปีนเขา เคล้าสายหมอก

  •  

พิกัด : อ.พะโต๊ะ​ จ.ชุมพร​

หลังจากที่ทริปต่างๆ ต้องพากันล่มและโดนเทกันไปเพราะสถานการณ์ Covid-19 แต่ฟ้าหลังฝนก็ย่อมจะสดใสเสมอ…แล้วเราก็สามารถกลับมาท่องเที่ยวเดินทางหาความสุขกันได้อีกครั้ง…

ซึ่งในทริปนี้ผมจะขอพาทุกคนลงไปล่องใต้กันที่ จ.ชุมพร ซึ่งจริงๆ แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายในภาคใต้ของเราไม่ได้มีดีแค่ทะเลสวยติดอันดับโลกเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วยังมีที่เที่ยวเด็ดๆ อีกมากมาย​ เที่ยวใต้เที่ยวได้อีกเยอะ รับรองเลยว่าไปครั้งเดียวไม่มีพอ จนต้องพาตัวพาใจไปเยือนซ้ำๆ อีกเป็นแน่ ซึ่งในครั้งนี้ผมจะเน้นพาทุกคนไปเที่ยวใน Green Zone ณ อ.​พะโต๊ะ​ ที่รายล้อม​ไปด้วยธรรมชาติ​และป่าเขา เพราะเราจะไปเดินป่าชมทะเลหมอก หาที่แคมป์​ปิ้งริมน้ำ ล่องแพเคล้าสายหมอก และฝากรอยเท้ากัน ณ บนยอดเขาพ่อตามังเคร เอาเป็น​ว่าใครที่เป็นสายลุยนี่ไม่อยากให้พลาดทริปนี้เลยครับ เพราะครบทุกรสชาติ​จริงๆ

แพ็คกระเป๋า​แล้วออกเดินทาง พาร่างกาย​อันอ่อนล้าไปเติมพลังที่ จ.ชุมพร​ สวรรค์​บนดินแดนใต้กันครับ….

สำหรับการเดินทางไปเยือนชุมพรของผมในครั้งนี้ เราก็นั่งเครื่องของ AirAsia ไปลงที่สนามบินชุมพรกันครับ

มีบินตรงไปทู้กกกกกวัน เดินทางสะดวกสบายใช้เวลาแค่แปปเดียว ไม่ต้องขับรถไกลหรือนั่งรถทัวร์นานๆ ให้เมื่อยไปทั้งตัว แถมยังมีโปรโมชั่นดีๆ ในราคาสุดคุ้มมาให้เราอยู่บ่อยๆ ก็คอยเข้าไปส่องและกดติดตามที่

Facebook >> https://www.facebook.com/AirAsiaThailand/ กันไว้นะครับ จะได้ไม่พลาดตั๋วโปรกันนนน ✈️

‘กองทัพก็เดินด้วยท้อง’ วลีนี้ใช้ได้กับทุกทริปครับ 55555+ จะมานั่งหิวไร้เรี่ยวแรงกันอยู่ทำไม ก่อนเดินทางผมก็ได้มีจองอาหารบนเครื่องไว้ล่วงหน้า กับเมนู ‘ไก่อบซอสพริกไทยดำ’ เสิร์ฟแบบอุ่นร้อนพร้อมทาน หรือจะเป็นเมนูอื่นๆ ก็มีให้เลือกเช่นกัน ก็ดำเนินการให้เรียบร้อยตั้งแต่ตอนจองตั๋วเลยสะดวกดี

และเเล้วเราก็มาถึงท่าอากาศยานชุมพรกันแล้ว ลงจากเครื่องมาแดดร้อนๆ ไม่ต้องกลัวครับ AirAsia มีร่มให้บริการ เดินเข้าอาคารไปรับกระเป๋าสบายๆ ก่อนจะเดินทางไปตะลอนกันต่อในชุมพร….

ก่อนที่เราจะเดินทางไปยัง อ.พะโต๊ะ กันนั้น ระหว่างทางเราก็จะแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ ในจุดที่น่าสนใจ แต่มาเยือนชุมพรทั้งทีเราก็ต้องไม่พลาดที่จะมากราบไหว้ ‘ศาลกรมหลวงชุมพร’ (หัวเขาถ่าน)หรือ ‘เสด็จเตี่ย’ กันครับ

ซึ่งจริงๆแล้วที่ จ.ชุมพร จะมีศาลกรมหลวงชุมพรอยู่ด้วยกัน 2 แห่ง

+ แห่งแรกคือที่เขตอุดมศักดิ์ ซึ่งอยู่ที่หาดทรายรี ในเขตตัวอำเภอเมืองชุมพรนั่นเองครับ

+ แห่งที่ 2 คือที่ หัวเขาถ่าน อ.สวี

ซึ่งนอกจากเราจะได้มาเริ่มต้นทริปด้วยสิ่งดีๆ เพื่อการเดินทางที่แคล้วคลาดปลอดภัย ที่นี่ก็ยังเป็นจุดชมวิว ที่มองเห็นทะเลได้ไกลสุดสาย ศาลจะหันหน้าออกทะเลเห็นเป็นเวิ้งกว้างสวยงาม

สำหรับใครที่ชอบทะเลแบบที่ทั้งสงบทั้งเป็นส่วนตัว คนไม่เยอะพลุ่กพล่าน ผมแนะนำให้มาเเวะที่หาดทรายรีสวีแห่งนี้เลยครับ จากศาลกรมหลวงชุมพร (หัวเขาถ่าน) ขับรถมาอีกแค่ประมาณ 5 นาที ก็จะถึงหาดทรายรีสวี

มาที่หาดทรายรีสวีทั้งที แถวๆ นี้จะมีร้านอาหารริมทะเลอยู่หลายร้านเลยครับ ก่อนจะเดินทางต่อก็จัดอาหารทะเลแบบจุกๆ กันสักมื้อ

กุ้ง-หอย-ปู-ปลา อย่าให้ขาดครับ ยกทะเลมาไว้บนโต๊ะกันเลย เนื้อแน่นๆ ตัวโตๆ อิ่มอร่อยแบบสะใจ เห็นปูตัวใหญ่ยักษ์แบบนี้แล้วค่อยมีแรงจะเดินป่าหน่อย 55555+ บำรุงกันให้เต็มที่ ทริปชุมพรนี้ยังอีกยาวไกล

ต่อไปเราจะขับรถแวะเข้าไปเที่ยวร้านกาแฟแถวๆ เขาทะลุและอยู่ติดกับตอยตาปัง ที่บรรยากาศดี๊ดี มุมถ่ายรูปเยอะเลยนะครับ ไม่ว่าจะมากลางวันหรือกลางคืนก็ดีงาม สองเวลาให้ Feeling ที่แตกต่าง ตกแต่งดูน่ารักอบอุ่น และเน้นงาน handmade เครื่องดื่มก็ราคาไม่แพงเลยครับ เริ่มต้นที่แก้วละ 30 บาทเท่านั้น ที่นี่จะเป็นทั้งร้านอาหารและที่พัก คือจะมีเป็นเต็นท์กระโจมให้เข้าพักสำหรับคนที่จะมาเที่ยวดูทะเลหมอกดอยตาปังด้วย

พิกัด >> https://goo.gl/maps/9yK6ZEqFSzpNfPvo7

เอาละครับบบบ หลังจากที่เราขับรถมาจนถึงที่ อ.พะโต๊ะ กันแล้ว นี่ก็ได้เวลาที่เราจะต้องมาพิชิตยอดเขา ‘พ่อตามังเคร’ กันแล้ว ก่อนอื่นเลยหากจะเดินทางมาออกทริปเดินป่าแบบนี้ เราก็ควรจะฟิตร่างกายมาบ้างประมาณนึง ไม่ได้ถึงขั้นต้องหักโหมร่างกายนะครับ ไม่งั้นพอถึงวันจริงจะแย่เอา 55555+

เอาเป็นว่าออกกำลังกายวันละนิดวันละหน่อย เหมือนเป็นการอุ่นเครื่อง เวลามาเดินป่าขึ้นเขาสูงๆ แบบนี้ ร่างกายจะได้ไม่บอบช้ำ หรือกล้ามเนื้อบาดเจ็บมากนัก ใครที่ไม่ได้วอร์มร่างกายมาก่อน อยู่ๆ มาเดินเลย ก็เดินได้ครับถ้าใจสู้ แต่กลับบ้านไปอาจจะปวดระบมหน่อย 55555+ การเตรียมพร้อมร่างกายมาจึงเป็นเรื่องสำคัญ แล้วอุปกรณ์อื่นๆ ที่สำคัญก็ประมาณนี้ครับ…

+ ปลอกสวมขาสำหรับกันทาก
+ ชุดกันฝน
+ ถุงพลาสติกสำหรับใส่เสื้อผ้าเปียก
+ ถุงมือกันลื่น
+ ยาทากันยุง กันแมลง
+ สายรัดช่วย Safe เพื่อลดการกระแทกและช่วยพยุงหัวเข่า (เเนะนำเลือกแบบมีสปริงนะครับ)
+ ไฟฉายพกพา มีดสั้น
+ ถุงกันน้ำ สำหรับใส่กล้อง และมือถือ

อื่นๆ นอกจากนี้ก็อาจจะแล้วแต่ความจำเป็นของแต่ละคน เบื้องต้นผมก็แนะนำตามนี้ เพราะก็จะมีพวกเต็นท์และอุปกรณ์ในการนอนอีก กระเป๋าเราจะได้ไม่หนักเกินไป ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินป่า ก็จะอยู่ที่คนละ 1200 บาท เป็นทริป 2 วัน 1 คืน สำหรับใครที่สนใจ ก็โทรติดต่อพี่ตุ่น คนนำทางได้ที่ 089-5874443

สำหรับทางที่เดินขึ้นไปพิชิตยอดเขาพ่อตามังเครนั้น ระยะทางอยู่ที่ 2 กิโลเมตรกว่าๆ ใครที่เคยมีประสบการณ์เดินป่าก็ถือว่าระยะทางไม่ไกล แต่เส้นทางนั้นค่อนข้างจะชันมากๆ เลยล่ะครับ แล้วไหนจะยังฝนตกอีก โอ๊ยยยยย เละเทะครับ 55555+ กว่าจะถึงยอดก็เล่นเอาผมเพลียพอตัว ขนาดเคยเดินไกลกว่านี้มาแล้วก็ยังต้องบอกว่าที่นี่เดินยากระดับนึงเลย เพราะฝนตกแล้วดินเปียก ดินลื่น เดินยากจริงๆ ชุ่มฉ่ำกันไปกับสายฝน แต่ตลอดทางที่เดินไป บอกเลยว่าในป่าพ่อตามังเครแห่งนี้อุดมสมบูรณ์มาก

ไม่ไหวบอกไหวครับ….. เหนื่อยก็พัก หมดแรงนักก็พอ เพลงไม่ได้กล่าว ผมกล่าวเอง 55555+ แวะนั่งพักนอนพักกันเป็นระยะ หมดแรงก็คว้าห่อข้าวน้อยๆ ออกมาเติมพลัง เวลาเหนื่อยสุดใจ กินอะไรก็โคตรอร่อยอ่า บอกเลยยยยย 😁

เดินๆ มาจนถึงยอดเขา เราก็ใช้เวลากันประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงได้ครับ อันนี้คือเดินแบบไม่รีบค่อยๆ ไปนะครับ เพราะก็ต้องมีแวะพักให้เพื่อนชาวแก๊งค์ผมได้หายใจหายคอหน่อย

ขึ้นมาถึงคือแบบ…โห้ววววว ทะเลหมอกอลังมาก!!! ด้วยความที่ฝนตกตอนเราเดินขึ้นมานี่แหละครับ มันอาจจะไม่ดีตรงที่เดินยาก แล้วเราอาจต้องใช้เวลาเดินขึ้นมามากขึ้น แต่ข้อดีคือไม่ต้องลุ้นหมอกครับ ขึ้นมาเจอแน่นอนเพราะฝนได้ทิ้งความชื้นไว้ให้น้องหมอกพร้อมขึ้นมาทักทายเราแล้ว…. เจอแบบนี้ก็ยิ้มสิครับ หายเหนื่อยกันถ้วนหน้า สูดลมหายใจอันบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด ไหนๆ ก็ได้ขึ้นมาฝากรอยเท้าเอาไว้บนยอดเขาแล้ว บนจุดนี้คือเป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ

ระหว่างนี้ก็ต่างคนต่างถ่ายรูปเล่น พักผ่อนตามอัธยาศัย ชอบมุมไหนก็จับจองกันเลยครับ ทะเลหมอกสวยทุกมุม

ฟินกับวิวทะเลหมอก และภูเขาสีเขียวขจีไปพร้อมกันกับพวกเราเลยครับ….

เริ่มเย็นใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกเข้าไปทุกที ภาพด้านบนนั้นที่เห็นนั่นคือวิวทะเลฝั่งระนองนะครับ อยู่จุดนี้บนยอดเขาพ่อตามังเครคือเราจะได้เห็นวิวธรรมชาติ 2 จังหวัดเลย

ตกดึกก็เตรียมทำมื้อค่ำกันครับ เรื่องหุงข้าว ทำกับข้าวนี่พี่คนนำทางก็จัดการให้เรานะครับ ลำพังหุงเองด้วยวิธีแบบนี้ไม่น่าจะได้กิน ข้าวไหม้แน่นวลลลลล ให้ทำอะไรก็ทำได้หมด แต่ทำอาหารนี่ยอมแพ้จริงๆ 😂 มื้อค่ำวันนี้เราก็ทำอาหารกันแบบง่ายๆ จะได้ไม่ต้องขนอุปกรณ์อะไรมาให้เยอะ กินเสร็จก็เก็บกวาดให้เรียบร้อย ช่วยกันรักษาความสะอาดเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ป่าไม้สวยๆ จะได้อยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน

ดึกๆ ทะเลหมอกก็ขึ้นมาทักทายเราอีกรอบ นี่ไม่ต้องรอลุ้นตอนเช้าเลยนะครับ ขึ้นกันถี่ดีจริง คุ้มมากเลยทริปนี้ 55555+ เราก็ออกมาชมทะเลหมอกไปพร้อมกับการดูดาว…

เช้าแล้วก็ตื่นมารับอากาศอันสดชื่น และหมอกอันอลังการอีกเช่นเคย อยากตื่นมาแล้วเจอแบบนี้ทุกวันเลย

หลังจากที่เราชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติกันจนเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับกันละครับ และสถานที่ต่อไป ผมก็จะพาทุกคนไปล่องแพเคล้าสายหมอก ซึ่งขอบอกเลยว่า ‘วิวดีเกินจะห้ามใจไหว’…

เมื่อพวกเราลงมาจากเขาพ่อตามังเครกันแล้ว ก็ขับรถมุ่งหน้ามาต่อกันที่ ‘ล่องแพ มาลิน’ ซึ่งอยู่ที่ อ.พะโต๊ะ เช่นเดียวกัน ค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่เราจะตกลง ว่าอยากจะทำกิจกรรมอะไรบ้าง คุณป้าเล็ก ที่เป็นเจ้าของก็ใจดีมากกกก คุยง่ายครับ อยากได้อะไรอยากทำอะไรคุยกับป้าได้เลย บริการน่ารักสไตล์ชาวบ้านๆ เป็นกันเอง ราคาไม่แพง จ่ายกันแค่คนละหลักร้อยเท่านั้น ใครที่สนใจก็โทรสอบถามได้ที่ : 089-5928376 นะครับ

จริงๆ เวลาล่องแพเราเลือกได้นะครับ อยากจะล่องเวลาไหน ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะนิยมล่องตอนกลางวันกัน แต่ผมติดต่อเอาไว้ว่าขอล่องพรุ่งนี้ตอนเช้าๆ ดีกว่า แดดไม่ร้อน แสงอ่อนๆ แล้วก็ลุ้นว่าเผื่อจะมีหมอกตอนเช้าด้วย วันนี้มาถึงก็เล่นน้ำคลายร้อนสักหน่อย ที่นี่มีจุดกางเต๊นท์ / ที่พัก ให้บริการด้วย พวกผมก็กางเต๊นท์กันริมน้ำเลยครับ เล่นน้ำกันเรียบร้อยแล้ว หิวๆ ก็สั่งอาหารมาทาน ที่นี่ก็มีบริการอาหารไทยท้องถิ่นอร่อยๆ ด้วย

ดึกๆ ก็มาก่อกองไฟริมน้ำ นั่งเล่นพูดคุยกัน

ยามเช้าเราก็ตื่นกันแต่เช้าตรู่ครับ ตื่นมาก็มีฝนตกปรอยๆ ให้ชุ่มฉ่ำใจ บรรยากาศคือดีมากกกก หมอกลอยคลุ้งเหนือผืนป่าและสายน้ำ

รอสักแปปคุณลุงก็เอาแพมารับพวกเราไปล่องแพกันในเช้านี้ครับ

เอาล่ะครับ ได้เวลาเเล้วกายพร้อมใจพร้อมมาก เห็นบรรยากาศแล้วอดใจไม่ไหว อยากล่องไปตามสายน้ำแล้วชมวิวธรรมชาติสวยๆ ไปตลอดทาง

สำหรับเส้นทางล่องแพนั้น จุดเริ่มต้นเราก็จะนั่งรถจากที่พักไปลงที่ตรงบริเวณต้นน้ำ แล้วเราก็ใช้เวลาล่องกันประมาณ 2 ชั่วโมงฝ่าดงหมอกไปเรื่อยๆ มีแวะตามจุดชมวิวต่างๆ แวะเล่นน้ำ แล้วคุณลุงก็จะมีสอนเราจับปลาด้วย

พีคกว่านั้นคือด้วยความที่ล่องแพไปเรื่อยๆ เวลาเจออะไรลุงก็แวะพาไปดูใกล้ๆ และแน่นอนครับ…. ล่องไปล่องมา ดั๊นนนนนไปเจองูอยู่บนตรงไม้ นั่นแน่! ลุงก็ชี้ใหญ่เลยครับ นั่นไงงูเห็นมั้ย แล้วลุงก็อาสาพาเข้าไปดูใกล้ๆ คือแบบ….ขนลุกไปสิ 5555555+ ลุงครับ ผมดูไกลๆ ก็ได้ครับ กล้องซูมได้ อันนี้ไม่จำเป็นต้องใกล้ชิด

พูดกันยังไม่ทันขาดคำครับ… งูร่วง ‘ตุ๊มมมมม’ ลงมาในน้ำ ทีนี้ทำไงละครับ ก็วงแตกสิพี่น้อง ไอ้ที่นั่งกันอยู่บนแพก็ทำท่าจะโดดลงน้ำ คือบอกไม่ถูกเลยว่า ควรจะอยู่ในน้ำ หรืออยู่บนแพมากกว่ากัน 55555+ แล้วลุงก็พาเราล่องแพออกจากตรงนั้น แหม…ระทึกกันแต่เช้าเลย

ล่องไปเรื่อยๆ ลุงก็แวะให้เล่นน้ำครับ มิตรสหายผมก็โดดเลยครับ เปิดคนแรก น้ำเย็นชื่นนนนใจ หลังจากนั้นเราก็ล่องแพไปจนถึงจุดสิ้นสุดคือกลับขึ้นที่ตรงหน้าที่พักพอดี อาบน้ำแต่งตัวกันให้เรียบร้อย แล้วเราจะไปแวะเที่ยวน้ำกันครับ

มาครับ ที่สุดท้ายก่อนจะปิดทริปชุมพรกันไป หลังจากตะลุยกันมา ทั้งเดินป่า ล่องแพ แอดเวนเจอร์ วิ่งเล่นกันเต็มที่ใช้ Energy กันแบบหมดแม็กซ์ ผมก็ขอแวะไปที่ ‘น้ำตกเหวโหลม’

ที่นี่จะถือว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกสวยและเป็นที่นิยมของนักเที่ยวในยามที่ได้มาเยือนพะโต๊ะกันครับ น้ำตกขนาดค่อนใหญ่ มีจุดให้เล่นน้ำเหมาะกับการมาเที่ยวคลายร้อน

เอาล่ะครับ… ต่อไปเราก็ต้องกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว และแน่นอนครับ ว่าเราจะเดินทางกลับอย่างสวัสดิภาพด้วยสายการบิน AirAsia เช่นเคย แล้วในโอกาสหน้าผมจะกลับมาเยือนชุมพรอีก เพราะที่นี่ยังมีสถานที่สวยๆ อีกหลายที่ที่ผมต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองอย่างแน่นอน 📷

#AirAsia#AirAsiaTravels#เที่ยวใต้ได้อีกเยอะไปเถอะกับแอร์เอเชีย#คนหลงทาง#เที่ยวชุมพร


  •  

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *