ค น ห ล ง ท า ง

กาลครั้งหนึ่ง ณ ที่แห่งใด…ในเกาะสีชัง

  •  

Lost SOMEWHERE together
กาลครั้งหนึ่ง ณ ที่แห่งใด…ในเกาะสีชัง

——-

เมื่อตอนยังเด็ก เรามักจะได้อ่านนิทานที่เป็นเรื่องราวของตัวละครไหนสักตัว กับการเดินทางออกไป ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งมามากมายหลายเรื่อง แต่วันนี้ผมจะขอมาเล่านิทานถึงเรื่องราวในแบบของ ค น ห ล ง ท า ง ผ่านการเดินทางบนเกาะเล็กๆ ที่อบอุ่นมากๆ เกาะนี้…กาลครั้งหนึ่ง ณ ที่แห่งใด ในเกาะสีชัง…

นี่จะเป็นครั้งแรก ที่ผมจะได้เดินทางไปในสถานที่ที่ชื่อเดียวกัน และมีความหมายเดียวกับชื่อเพจของผม คำว่า #Somewhere สำหรับผม มันคือ #ที่ใดสักแห่งที่ไปแล้วทำให้เรามีความสุข ไม่ว่าเราจะมองว่าสถานที่นั้นคืออะไร แต่สุดท้ายมันคือที่ที่เรานั้นโคตรสุขใจ

โรงแรม Somewhere เป็นโรงแรมเล็กๆ ที่อยู่บนเกาะเล็กๆ อย่าง #เกาะสีชังในความเป็น Somewhere นั้น คือถ้าคุณมองว่าที่นี่คือ ‘บ้าน’ มันก็ใช่….เพราะเป็นโรงแรมที่อบอุ่น และมีพนักงานน่ารักๆ คอยให้บริการอย่างเป็นกันเองจนเหมือนคนในครอบครัว หรือถ้าคุณจะมองว่านี่คือ ‘สถานที่พักผ่อน’ มันก็ใช่….เพราะมองไปทางไหนก็ให้บรรยากาศที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน ทิ้งงาน ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง หรือถ้าจะมองว่าที่นี่ คือ ‘ห้องครัวแสนอร่อย’ มันก็ใช่….เพราะมีอาหารอร่อยๆ มากมายให้กินได้อิ่มจนพุงกาง เอาง่ายว่า ที่โรงแรม Somewhere จะเป็นได้ทุกอย่างเท่าที่ใจอยากจะให้เป็น กลายเป็นสถานที่ที่ได้ก้าวเ้ท้าเข้ามาแล้วมันช่างสุขใจ เป็น ณ ที่แห่งใด ที่ใจเรามองหา

แล้วนี่คือการมา เกาะสีชัง เป็นครั้งแรกในชีวิตของผม ไปไหนมาก็เยอะ แต่เชื่อเถอะครับว่าที่นี่คือที่ที่ผมยังไม่เคยมาเลยจริงๆ ทำให้รู้เลยว่า ภาพของเกาะสีชังที่เคยคิดไว้ มันไม่ใช่อย่างที่คิด ผมเคยมองว่าที่เกาะสีชัง คงจะเหมือนกับการเที่ยวทะเลทั่วๆ ไป ในอารมณ์ของความเป็นชลบุรี แต่พอได้ลองมาจริงๆ….เฮ้ย มันไม่ใช่วะ จริงๆ แล้วเกาะสีชัง คือเมืองเมืองนึง ที่แค่บังเอิญอยู่บนเกาะ แต่มีวิถีชีวิต และเรื่องราวมากมายกว่าการเที่ยวทะเลแบบธรรมดาๆ หลายเท่า ทำให้ผมได้ลองมาใช้ชีวิตแบบคนบนเกาะนี้ดู ก็ไปตระเวนดูสิว่า ที่นี่มีอะไร และคนที่นี่เค้ามีชีวิตเป็นอยู่ยังไง ทำไมถึงได้ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์แบบนี้

และแล้วการเดินทางของ ค น ห ล ง ท า ง ก็เริ่มต้นขึ้น…

#เริ่มต้นออกเดินทาง : Cafe Kantary บางแสน

—–

เช้าวันนี้ผมเริ่มเดินทางออกจากกทม. กันตั้งแต่ช่วงเช้าๆ หน่อย ถึงแม้ชลบุรีจะอยู่ไม่ไกล แต่ก็อยากมีเวลาได้ไปแวะกินแวะเล่น และไปถึงเกาะสีชังไม่ช้าจนเกินไป ออกมาก็หิวมาอย่างเต็มที่ เลยตั้งใจมาฝากท้องไว้กับที่นี่เลยครับ Cafe Kantary บางแสน ก่อนที่เราจะไปท่าเรือเพื่อไปเกาะสีชัง ก็มาที่นี่กันก่อนเลย

มาถึงแล้ว ก็เข้าไปในร้านกันเลยครับ

บรรยากาศดูคึกคัก อบอุ่น ร้านก็ตกแต่งเป็นโทนสีอบอุ่น สบายตา น่านั่งชิลมากๆ

ของกินละลานตาไปหมด เลือกไม่ถวกกกก ทุกอย่างมันล่อตาล่อใจน่าให้สั่งมากครับ นี่ถ้าไม่ติดว่ากินไม่มีทางหมด ก็อยากมันทุกอย่างเลย เพราะสีสันน่ากินมากกกก มีทั้งเครื่องดื่ม ไอศกรีม เค้ก ของหวาน ของคาว หรือติ่มซำก็มี มาร้านเดียวเป็นอันว่าจบ เลือกสั่งได้ตามใจอยาก

ช่างเป็นร้านที่เหมาะสำหรับการนั่งเล่นหามุมส่วนตัว แล้วปล่อยใจไปกับบรรยากาศ

ร้านนี้จะมีทั้งหมด 2 ชั้นนะครับ ส่วนผมขอมานั่งข้างบนกันครับ

มาครับมา ก่อนอื่นต้องขอดื่มน้ำให้ชื่นใจกันก่อน ก็ขอจัดชาเขียวเย็นๆ สักแก้ว

ระหว่างนั่งรออาหาร หน้าตามันก็จะดูหิวๆ แบบนี้แหละ เหม่อลอยเพราะข้าวปลาไม่ตกถึงท้อง 555+

มาแว้ววว เยอะแยะเต็มโต๊ะไปหมด อดใจไม่ไหวที่จะต้องลอง หน้าตาดี รสชาติดีทุกอย่าง แถมราคาไม่แพง เพราะว่าแต่ละอย่างคือให้เยอะด้วย อิ่มท้องแน่นอนครับบบบ

จานแรกเรามาเริ่มกันที่ #สปาเก็ตตี้กุ้งชุบเกล็ดขนมปังทอดซอสกรีมไข่กุ้ง โหววว แค่อ่านชื่อความนัว ความกรอบก็มาล่ะครับ สีสันน่ากินมากๆ

ต่อมานี่เลย #มินิเบอร์เกอร์ไส้หมู ถูกใจคนรักการกินหมูแบบผมมาก แถมมาแบบว่าหน้าตาน่ารักเป็นคำๆ อร่อยอีกเช่นเคยครับ

ต่อไปก็ขอกลับมากินอาหารบ้านเกิดกันหน่อย หน้าตาออกจาฝาหรั่งขนาดเน้ ก็ต้องมาจากอิตาลีสิครับ ทุกวันนี้พูดไทยก็ไม่ค่อยชัดนะ ไม่ใช่ว่ามาจากเมืองนอกเมืองนา แต่น่าจะออกแนวลิ้นไก่สั้นมากกว่า 5555+ เมนูนี้คือ #พิซซ่าคาร์โบนาร่า แป้งบางกรอบ ร้อนๆ กับเครื่องแบบเต็มปากเต็มคำ กัดกันเพลิน

ต่อไปเรามากิน #ไข่กระทะ กันบ้าง อันนี้ก็ของโปรดผมอีกเช่นกัน อร่อยนุ่มลิ้นมากๆ เป็นอีกเมนูที่ต้องไม่พลาดนะครับ

ต่อกันที่งานชีสสสสส กันบ้าง ผมว่าน่าจะเป็นของโปรดของใครหลายๆ คนกันเลย กับจานนี้ #ชีสบอลกับซอสราสเบอร์รี่ เวลาได้กินชีสนี่มันดี๊ดีเนอะ 5555+ แถมยังจิ้มกับซอสราสเบอร์รี่เข้ากันได้ดีไปอีก

เห็นกินขนาดนี้ คิดว่าควรจะอิ่มตั้งแต่สปาเก็ตตี้จานแรกแล้วใช่มั้ยครับ ยังครับยังไม่พอ นั่นมันกระเพาะของคาว ส่วนกระเพาะของหวานยังว่างอยู่ 5555+ จัดเมนูยอดฮิตกันสักหน่อย ‘Banana Salted Caramel Black Toast’ ความเด็ดอยู่ที่เจ้าขนมปังกรอบสีดำๆ นี่แหละครับ กรอบนอกนุ่มในอร่อยมากกกก ยิ่งกินคู่กับกล้วยและไอกรีมมันยิ่งใช่ กินไปให้ลืมอ้วนครับ ขอสักวันเนอะ

ต่อไปจะเป็นของหวานจานสุดท้ายแล้วกับ ‘Homemade Pancakes Strawberry Crumble’ เห็นราดซอสสตรอว์เบอร์รี่มาขนาดนี้ บอกเลยว่าเห็นแล้วน้ำลายไหล ตั้งแต่พนักงานเดินถือมาแต่ไกล กินของหวานจากไปก็แหม…นึกว่าอิ่มไปแล้ว ที่ไหนได้ พอจานนี้ อ้าว…ก็กินได้อีกเยอะแหะ สงสัยจะถูกปากไปหมดดดด

หลังจากกินกันอิ่มแล้ว เราก็มานั่งเล่นจิบกาแฟ ชิลไปเรื่อยๆ ดีกว่า

มาที่นี่พวก Souvenir ต่างๆ ก็มีให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปกันได้นะครับ

#มุ่งหน้าสู่เกาะสีชัง : ท่าเรือจรินทร์

—–

อย่างที่เคยเกริ่นไว้ ว่านี่คือการเดินทางมาเกาะสีชังครั้งแรกของผม ซึ่งเราจะไปพักกันที่ #โรงแรมSomewhereเกาะสีชัง ซึ่งถ้าจองโรงแรมที่นี่ไว้ เราก็ไม่ต้องห่วงเรื่องรถ ว่าขับมาแล้วจะมาจอดไว้ไหน แล้วจะไปท่าเรือยังไง เพราะว่าลูกค้าของที่ Somewhere สามารถนำไปจอดไว้ที่โรงแรม แคนทารี่ เบย์ ศรีราชา ได้เลยครับ หลังจากนั้นทางโรงแรมจะพาลูกค้าไปส่งที่ท่าเรือ เพื่อข้ามไปยังเกาะสีชังนั่นเอง ซึ่งพี่คนขับรถก็บอกว่า ก่อนหน้านี้เวลาจะไปเกาะสีชังจะต้องไปขึ้นที่ท่าเรือเกาะลอย แต่ตอนนี้ปิดปรับปรุงอยู่ เลยต้องเปลี่ยนมาขึ้นที่ #ท่าเรือจรินทร์ แทน

เรือข้ามฝั่งจะออกทุก 1 ชม. นะครับ แต่จริงๆ ถ้ามาวันหยุด ส-อา ที่คนเยอะๆ คือพอเต็มก็ออกไม่ต้องรอตามรอบ รอบสุดท้ายจากฝั่งเรือศรีราชา คือรอบ 20.00 น. หรือสองทุ่มนั่นเอง ราคาก็แค่คนละ 50 บาทเอง นั่งดูวิวไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 40-45 นาทีก็จะถึงเกาะสีชังครับ

ในที่สุดก็มาถึงแล้วครับ เกาะสีชังของผมมม เราได้เจอกันแล้วนะ

#นอนที่ไหนบนเกาะสีชัง : โรงแรม Somewhere เกาะสีชัง
Tel. 038-109-400
www.somewherehotel.com
—–

เมื่อเดินทางมาถึงเกาะสีชังแล้ว เราก็มุ่งหน้ามาที่โรงแรมกันเลยครับ ปกติแล้วเวลามาถึงท่าเรือแล้วจะมาที่โรงแรม ก็สามารถนั่งรถที่เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเกาะสีชังอย่าง Skylab สุดเท่ มาลงที่โรงแรมได้เลยครับ จะประมาณ 80 บาท หรือจะเช่ามอเตอร์ไซค์จากท่าเรือแล้วเเว๊นมาเลยก็ได้เหมือนกัน ระยะทางไม่ไกลครับ แว๊นตาม GPS มาได้สบายๆ

check in กันเลยดีกว่า เดินทางมาเหนื่อยแล้ว คิดถึงเตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆ แล้ววว

เข้ามาถึงก็เจอกับ Lobby โทนสีฟ้าขาวสะอาดตา ดูมีความวินเทจแบบเก๋ๆ หน่อย ที่นี่เค้าได้รับคะแนนจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกจาก Booking.com ตั้ง 8.9 เลยนะครับ เป็นโรงแรมเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

ข้างๆ Lobby ก็จะมีห้องอาหาร ที่เราจะทานอาหารทุกมื้อหรือของทานเล่น เครื่องดื่มต่างๆ กันตรงนี้ จริงๆ ถ้าใครที่เป็นขาจร ผ่านไปผ่านมา ก็แวะเข้ามาสั่งอาหารทานกันได้นะครับ เพราะจะเปิดเป็นร้านอาหารไปในตัวด้วย กับ ‘Verandah Restaurant’

บรรยากาศห้องอาหารก็สวยมาก คงความวินเทจแบบงานไม้ เช่นเคย

จะขนม หรือจะจิบไวน์เบาๆ ที่นี่ก็มีครับผม

ระหว่างนี้เรามาเดินเล่นดูโรงแรมกันรอบๆ เลยครับ ที่โรงแรม Somewhere นี้เป็นโรงแรมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยคุณภาพ คืออารมณ์เหมือนเรามานอนบ้านเพื่อนที่สวยๆ สักหลังหนึ่งอ่าครับ คือพื้นที่กำลังพอดี เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสงบ คือทั้งอบอุ่นและดูเป็นพื้นส่วนตัวดี มาแล้วเรียกว่าได้พักผ่อนอย่างสบายใจ ไร้เสียงรบกวนและผู้คนจอแจ ทั้งดีไซน์ที่ดูแอบวินเทจ โทนสีขาวๆฟ้าๆ โอ๊ยยยย ละมุนอะไรเบอร์นี้ล่ะ

ถ่ายรูปออกมาไม่ว่ามุมคือสวยทุกมุม พนักงานก็น่ารักมากทุกคน ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมที่นี่ถึงได้คะแนนการันตีจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเยอะขนาดนี้

จะมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลางโรงแรมด้วย มาเล่นน้ำแช่ตัวกันให้เพลิน

เรามาเดินเล่นดูบรรยากาศรอบโรงแรมกันครับ

เดินเล่นกันจนทั่วแล้ว เราไปห้องพักกันเลยครับ

เป็นยังไงล๊าาาาา อยากอวดมาก 5555+

สีห้องคือน่านอน คง concept โทนฟ้าขาว ของโรงแรมมากๆ อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้คือพร้อม แถมมีโซฟานั่งเล่นให้อีก ห้องกว้างขวาง มีระเบียงให้นั่งเล่น เห็นแบบนี้ราคาเริ่มต้นแค่ 2,500 เท่านั้น รวมอาหารเช้าให้อีก

ห้องขนาดนี้ กับการบริการและบรรยากาศขนาดนี้ จ่ายแค่คนละพันนิดๆ คือคุ้มมาก ช่างเป็นวันพักผ่อนบนเกาะสีชังที่เต็มอิ่มที่สุด

โทนสีแบบนี้ ถูกใจทั้งผู้ชาย ทั้งผู้หญิงเเน่นอน ดูคลาสสิคแบบลงตัว

เปิดม่านชมวิวกันหน่อย ทะเลที่นี่สวยจริงๆ ครับ

หรือจะออกมานอนเล่นริมระเบียงรับลมทะเลก็ได้นะครับ ถ้าได้ห้องชั้นสองเนี่ย เห็นวิวทะเลเกาะสีชังจากห้องได้เลย

เสื้อคนหลงทางที่ไปกับผมในทุกๆ ที่

ห้องที่นี่ถามว่ามีกี่แบบ จริงๆ ก็จะมีอยู่ room type เดียวนะครับ ด้วยความที่เป็นโรงแรมเล็กๆ สไตล์บูทีคหน่อย แต่จะมีกิมมิคของแต่ละห้องที่แตกต่างกันไปเล็กน้อยอย่างหัวเตียง กับประเภทเตียงที่ไม่เหมือนกัน แต่คือจะมีโซฟานั่งเล่น มีระเบียงอะไรให้คล้ายๆ กัน

ถ้านอนชั้นล่างก็จะเป็นวิวสวน กับวิวสระว่ายน้ำ แต่ถ้านอนชั้นบนก็จะเป็นวิวทะเล

จากระเบียงชั้นบนมองลงไปก็เห็นสระว่ายน้ำสวยๆ นี่เลย

น่ารักมากกกก เหมือนห้องนอนในฝันสมัยเด็กๆ แบบอยากโตมาเป็นโจรสลัดงี้ ก็อยากมีห้องนอนแนวนี้เลย 5555+

สำรวจห้องแต่ละแบบกันไปแล้ว ก็ขอหลับสักงีบ ก่อนที่วันนี้จะขอแว๊นไปรอบเกาะสีชังกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจสักคันให้สบายใจ

#ตระเวนทั่วเกาะ : ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่

—–

เมื่อมาเที่ยวที่เกาะสีชัง สิ่งที่ต้องทำเลยคือการเช่ามอเตอร์ไซค์สักคัน แล้วขี่วนไปให้มันทั่วเกาะ ด้วยความที่เกาะสีชังคือเกาะเล็กๆ ที่เราสามารถขี่วนไปเที่ยวรอบๆ ได้ง่ายมาก มีจุดให้เที่ยวเยอะมากกกก เยอะจนเหมือนเป็นอีกจังหวัดนึงเลย 555+ เที่ยวได้ทุกแนวตามใจชอบแน่นอน แถมยังได้เป็นการมาลองใช้ชีวิตแบบง่ายๆ บนเกาะแห่งนี้ ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตกันแบบสบายๆ เรียบง่าย น่าอิจฉามาก ดูสงบและมีความสุข

สำหรับการเช่ามอเตอร์ไซค์นั้น ถ้าเป็นลูกค้าของ Somewhere ก็สามารถแจ้งที่หน้า Lobby เพื่อให้พนักงานติดต่อเช่ารถให้ได้เลยครับ ค่าบริการก็วันละ 250-300 บาท ราคามาตรฐาน แต่ก่อนที่จะสตาร์ทรถออกมา อย่าลืมหยิบ #คู่มือท่องเที่ยวเกาะสีชัง จากหน้า Lobby มาด้วยนะครับบบบ ในนั้นจะมีแผนที่เกาะสีชังทั้งหมด และรายละเอียดจุดท่องเที่ยวต่างๆ ที่ทาง Somewhere เค้าทำไว้ให้สำหรับลูกค้า สะดวกไปอีก ว่าแล้วก็คว้ามอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวที่แรกกันเลยที่ #ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่

เห็นด้านบนอยู่ไกลๆ ตรงนั้นเลยครับที่เราจะเดินขึ้นไปกัน เห็นแบบนี้เดินขึ้นไปก็เหงื่อออกเยอะใช่เล่น ได้ออกกำลังกายไปในตัว

อาจจะเหนื่อยหอบเป็นพักๆ ตามสภาพอายุ 5555+

ขึ้นมาด้านบน ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เรากราบไหว้ขอพรกันไป จะเสี่ยงเซียมซีหรืออะไรก็ได้เลยครับ

เดินไปเดินมาจนมาถึงตรงนี้ ต้องบอกเลยว่านี่คือจุดที่ผมตามหาจริงๆ เห็นจากในคู่มือท่องเที่ยวเกาะสีชังแล้วชอบมาก อยากมาให้เห็นกับตา

บรรยากาศมีความขลัง มีความอลังเบาๆ

ถ้าใครมีโอกาสได้มา อย่าลืมเขียนชื่อเราแล้วก็แปะไว้เป็นที่ระลึกแบบนี้กันนะครับ นี่ก็แอบเขียนไว้ด้วยเหมือนกัน #คนหลงทาง ก็มาเยือนที่นี่แล้วน๊าาา

หลังจากเดินเล่นข้างในกันเสร็จแล้ว ด้านบนของศาลเจ้าพ่อใหญ่ก็จะมีรอยพระพุทธบาทอยู่ ซึ่งถ้าเดินมาจากบันไดที่ขึ้นมาเมื่อกี้ต่อไปจนถึงยอดก็ได้ครับ แต่มันจะเหนื่อยนะ 5555+ สังขารผมบางทีก็ไม่ค่อยสู้ ก็เลยลงไปเอามอเตอร์ไซค์แล้วขี่ขึ้นไปข้างบนแทน

ขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมา แล้วเดินต่ออีกนิดเดียว เราก็มาถึงรอยพระพุทธบาทกันแล้ว เข้าไปดูใกล้ๆกันหน่อยดีกว่า

ข้างบนนี้นอกจากจะมีรอยพระพุทธบาทแล้ว ก็ยังเป็นจุดชมวิวเด็ดอีกจุดหนึ่งของเกาะสีชังเลยครับ เพราะจะได้เห็นวิวทะเลแบบมุมสูงสุดลูกหูลูกตา สีฟ้าทุกทิศทาง

ถ่ายรูปเล่นอะไรกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาต้องเดินกลับลงมาแล้ว ก่อนขึ้นไปก็จำได้ว่าเห็นมีมูลนิธิคนชราอยู่ตรงข้ามศาลเจ้าพ่อเสือใหญ่ ลงมาแล้วก็ขอแวะก่อนสักหน่อย

ความเป็นอยู่ของคุณตาคุณยายที่นี่อาจจะยังไม่มีความสะดวกสบายเท่าไหร่ บางคนเจ็บป่วยมีไข้ ใครผ่านมาถ้ามีโอกาสก็แวะช่วยเงินสนับสนุนกันคนละเล็กคนละน้อยได้นะครับ น้ำใจคนไทยสามารถช่วยให้คุณตาคุณยายที่นี่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้

เสร็จจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ก็แอบมานั่งเล่นข้างทาง จู่ๆ ก็มีหมาน้อย เดินเข้ามาเล่นด้วย สงสัยจะกลัวผมเหงา เลยเข้ามาคลอเคลียมาเล่นเป็นเพื่อนกัน เห็นแบบนี้นี่คุยกันรู้เรื่องนะครับ 😁

#ตระเวนทั่วเกาะ : หาดถ้ำพัง

——

จุดต่อไปที่แวะมานั่งเล่นชมวิว หามุมถ่ายรูปฮิปๆได้ก็คือที่นี่เลยครับ ‘หาดถ้ำพัง’ ขับเลยจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ออกมาได้ไม่ไกล

เอาจริงๆที่เที่ยวที่นี่คือใกล้กันหมดครับ เพราะเกาะเล็ก ขับไปแต่ละจุดๆ ห่างกันแค่ 5-10 นาทีเอง คนที่ไปไหนก็หลงแบบผมเลยรักที่นี่เป็นพิเศษ เพราะถ้าไปไหนที่ระยะทางไกล ไม่รอดครับ หลงตลอด 5555+

ที่หาดถ้ำพังนี้ จะมีทุ่งหญ้า มีเนินหินให้เราไปนั่งปล่อยใจคิดอะไรเพลินๆ กับลมเย็นๆ

#มื้อเย็นอันโอชา : เมนูอาหารไทย @Verandah Restaurant

—–

หลังจากแว๊นเที่ยวกันจนตกเย็นเริ่มจะค่ำแล้ว และเเล้วเย็นนี้ผมก็ขอหวนคิดถึงเมนูอาหารแบบไทยที่เป็นอะไรที่ผมรักที่สุด ขอกับไปฝากท้องกับอาหารอร่อยๆ
ที่โรงแรม กับข้าวง่ายๆ อย่างไข่เจียวที่เหมือนจะธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา เพราะเป็น #ไข่เจียวหมูสับโรยกากหมูทอด ที่บอกเลยว่าอร่อยมากกกก ยิ่งกินคู่กับ #ต้มยำกุ้ง ร้อนๆ และ #ปลาหมึกผัดไข่เค็ม จานเด็ด คือแบบฟินเกินจะบรรยาย

อาหารไทยคืออะไรที่เป็นที่หนึ่งในใจผมแล้ว และจะแฮปปี้สุดๆ เมื่อได้กิน เพราะครบเครื่องครบรสมากๆ ครับ

ซูมกันเอาให้หิว เอาให้อยากกินมันเดี๋ยวนี้เลย 5555+

#ดีงามยามราตรี : โรงแรม Somewhere ใต้แสงดาว

—–

หลังจากอิ่มอร่อยแบบพุงก๊างงงกางงงงไปแล้ว ต่อไปเรามาดูบรรยากาศโรงแรมตอนกลางคืนกันบ้างดีกว่า สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยครับ

มุมนั่งเล่นอ่านหนังสือก็มี เดินเข้ามาก็เจอตรงปากทางเลย

#ชีวิตที่ยังไม่หลับไหล : ตลาดและท่าเรือยามค่ำคืน

—–

อย่างที่ผมได้เกริ่นไว้แต่แรกเลยครับ ว่าเกาะสีชัง คือเมืองเมืองนึง ที่บังเอิญมาอยู่บนเกาะ ก็เลยมีวิถีชีวิตของชาวบ้าน และบรรยากาศแบบบ้านๆ อบอวลอยู่ทั่วทั้งเกาะ ไม่ได้ให้ความรู้สึกของความเป็นสถานที่เที่ยวจ๋าอะไรแบบนั้น ตกกลางคืนผมก็ขอออกมาเดินเล่น มาเก็บภาพยามราตรีฝากคนที่เคยมา แต่มาแบบไปเช้าเย็นกลับดูว่าที่นี่ตอนกลางคืนก็มีเสน่ห์น๊าาาา มาแล้วต้องลองค้างคืนดู อะไรๆ ในตอนกลางวัน มันจะเเตกต่างออกไปทันทีในตอนกลางคืน แสงเปลี่ยน…อารมณ์ก็เปลี่ยน

หอคอยนี้คือสัญลักษณ์ของเกาะสีชัง ที่เมื่อเรามาเยือนแล้วจะเห็นเป็นสิ่งแรกเลยครับ ตอนกลางวันเราก็เห็นเป็นสีสันสวยงามตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส แต่ยามค่ำคืนแบบนี้ก็จะมีเปิดไฟ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆสว่างไสว ตัดกับท้องฟ้าที่มืดสนิทแบบนี้

ว่าแล้วก็ถ่ายภาพเก็บไว้กันสักหน่อย มาเที่ยวเองแบบนี้อุปสรรคนึงที่ต้องเจอ คือการต้องตั้งขากล้องแล้ววิ่งถ่ายไปมา เห็นภาพว่าทำเป็นนั่งนิ่งแต่จริงๆ นั่งหอบรึป่าวเนี่ย 5555+ วิ่งกดอยู่หลายที กว่าจะได้มุมที่ต้องการ

ก็นั่นแหละครับ เมื่อหมดอุปสรรคเรื่องขาตั้งกล้องไปหนึ่งอย่างแล้ว พอจะตั้งท่าถ่ายเปลี่ยนมุมสักหน่อย ฝนมันก็ลงเม็ดมาาาา โอ้วววว…เล็งกล้องตั้งนานนะรู้มั้ย ฝนตกลงมาทีนี่หมดกัน 😂

ฝนพรำ ตกเบาๆ ก็ยังพอเดินเล่นไปมาได้อยู่ ก็เก็บภาพมุมนั้นมุมนี้ ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ กลางคืนก็มีร้านค้า ร้านอาหารชาวบ้านๆ เป็น Street food ยามดึก แถวโซนด้านหน้าท่าเรือนี่แหละครับ เซเว่นอะไรก็มี แวะมาหาของกินแก้หิวได้เลย

นี่ก็ยืมร่มคนแถวนั้น กางกันฝนสักหน่อย 😁

ยามกลางคืนที่แม้จะดูเหงา แต่ผมว่านี่แหละคือความสงบที่ใจต้องการ ชีวิตเราอยู่ในเมืองใหญ่มันวุ่นวายมากพอแล้ว ในเวลาแบบนี้แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว…

เดินเล่นกันจนหิว ก็เหลือบไปเห็นร้านนี้เลยครับ ขายผัดไท-หอยทอด ห่อละ 20 บาท ถูกมากกกก แถมอร่อยด้วยเหอะ ขายอยู่แถวๆ แยกเซเว่นนะครับ ลองแวะมาชิมกันได้ รสชาติถูกปากผมสุดๆ อิมอร่อยยามดึกแบบสบายกระเป๋า น้ำหนักขึ้นมั้ยไม่ต้องถาม นาทีนี้ขอกินไว้ก่อน 5555+

#เช้าวันใหม่ กับชีวิตที่ดำเนินไปอย่างช้าๆ : ตลาดและท่าเรือยามรุ่งอรุณ

—–

ไปเที่ยวไหนก็ตามสิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือ ‘การตื่นแต่เช้า’ มันจะทำให้เราไม่พลาดบรรยากาศที่พิเศษบางอย่างของสถานที่นั้นๆ ไป ทุกชีวิตเริ่มต้นในเช้าวันใหม่ ลองออกไปสังเกตดูครับ ว่าคนที่นี่เค้าเป็นอยู่ยังไง แล้วเราจะเห็นมุมน่ารักๆ ที่น่าประทับใจ ทำให้เรายิ้มมมมมีความสุขไปกับโมเม้นท์อะไรแบบนี้

นี่คืออีกหนึ่งความน่ารักของเกาะสีชัง เมืองไหนๆ ตั้งแต่เคยไปมา ก็จะมีหมามีแมว วิ่งเดินไปตามบ้านคน วิ่งเล่นตามข้างถนน…แต่ที่นี่ ไม่ใช่ครับ นี่ล่ะครับ หมูป่าก็มาาาา 5555+ เดินกันเยอะกว่าหมาอีกนะ แล้วมันน่ารักมากครับ เดินอ้วนไปมา ตุ้ยนุ้ยอยู่แบบนี้

เนี่ยละครับ หมูกับหมา ทำตัวเหมือนกันจนแยกไม่ออก 😁

หอคอยนี้ อยากให้ลองมานั่งดูมันหลายๆเวลา เห็นคนละช่วงเวลา บอกเลยว่า ภาพที่เห็น เปลี่ยนแปลงความรู้สึกได้ตลอดครับ

วิธีชาวประมง ที่ยังคงดำเนินไป จริงๆ ที่นี่ก็จะมีทั้งเรือที่หาปลา แล้วก็เรือแบบพาเที่ยวด้วยนะครับ น่าจะพานั่งไปรอบๆเกาะสีชังและบริเวณใกล้เคียง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีพาไปดำน้ำด้วย ทะเลสีชังนี้ น้ำดีน้ำสวย สะอาดเล่นได้ไร้กังกล ปกติถ้านึกถึงทะเลชลฯ ทะเลบางจุดคือปฎิเสธไม่ได้เลยว่า น้ำคือไม่กล้าเล่น โอ้โห สีแบบว่า…แล้วมีฟอง มีอะไรลอยตรึม 😂😂 แต่ที่สีชังนี้น้ำทะเล เรียกว่า ‘น้องๆ อันดามัน’ เลย สวยสะอาดดีทีเดียว

อาหารเช้าง่ายๆ สไตล์ผมก็นี่เลยครับ ข้าวเหนียวหมูปิ้งร้อนๆ ไม้ละ 5 บาท อร๊อยยยยอร่อยยย รองท้องก่อนจะกลับไปกินอาหารเช้าโรงแรมกัน

#ตระเวนไปทั่วเกาะ : สะพานอัษฎางค์ – พระจุฑาธุชราชฐาน

—–

นี่คืออีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ต้องบอกว่า ถ้ามาเกาะสีชังแล้วไม่เเวะนี่คือเหมือนมาไม่ถึง 5555+ สะพานอัษฎางค์อันเลื่องชื่อ สีขาวสวยสะอาดตา

ด้วยความที่โรงแรม Somewhere จะอยู่ใกล้สะพานมากกกก แว๊นมอไซค์มา 3 นาทีถึง ไวพอๆ กับต้มมาม่ากิน ผมก็ตั้งใจออกมาตระเวนแต่เช้า เพราะบรรยากาศก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝนหน่อย แต่ก็มีความอยากจะออกมาวิ่งเล่น วันนี้ก็จะต้องกลับกันแล้ว ก็พยายามแวะไปจุดนั้นจุดนี้ที่ยังเหลือที่อยากไป

มุมนี้มานั่งเล่นถ่ายรูปได้จะสวยมากกก โลเคชั่นดีไปอีก

อันนี้คือ พระจุฑาธุชราชสถาน เป็นอาคารไม้สีเขียวๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กับสะพานเลยครับ ถ้ามาสายๆ หน่อย ก็จะเปิดเป็นร้านอาหารเครื่องดื่มริมทะเล ที่บรรยากาศจะดีและชิลมากกกก

#ตระเวนไปทั่วเกาะ : ช่องเขาขาด

—–

มาเกาะสีชังทั้งที ต้องมาทำความรู้จักกับช่องเขาขาดนะครับ ไม่งั้นจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง 5555+ เพราะที่นี่คือจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในเกาะสีชัง ถามว่า ‘อ้าว เป็นมุมเด็ดในการชมพระอาทิตย์ตก แล้วทำไมมาตอนเช้าละ ก็เมื่อวานช่วง 5 โมงกว่าเกือบ 6 โมงเย็น ฝนมันตกก็ต้องอดไปตามระเบียบ เปลี่ยนเป็นมาตอนเช้าแทน มาเช้าๆ คนก็จะไม่ค่อยมี แต่ถ้ามาเย็นๆนี่คึกคักเลยนะ เพราะบรรยากาศจะดีมากๆ ก็มีคนมารอชมพระอาทิตย์ตกสวยกัน

#ตระเวนไปทั่วเกาะ : วัดพระเหลือง

—–

เวลาที่เรามาที่เกาะสีชัง อยากให้คอยสังเกตตามไหล่เขาให้ดีๆ จะเห็นเป็นพระสีเหลืองทองสวยเด่นอยู่ลิบๆ ตลอด ไม่ว่าเราขี่รถไปตรงไหนก็ตาม ถ้าให้พูดไปคือ เห็นตั้งแต่นั่งเรือจากฝั่งเข้ามาที่เกาะสีชังแล้วครับ คือพอเห็นหอคอยด้านหน้า ก็จะเห็นเป็นพระสีเหลืองลางๆ เป็นฉากหลัง ขึ้นไปบนศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ก็มองเห็น ก็เลยต้องขอแวะเวียนไปดูใกล้ๆ ถึงความสวยงามกันหน่อย วัดนี้จะอยู่บนเขาลูกเตี้ยๆ ลูกนึง ชื่อ ‘วัดพระเหลือง’ ตามพระที่เราเห็นเลย ขึ้นมาก็ยังสามารถดูวิวทะเลมุมสูงได้อีก ที่เกาะสีชังนี่ เค้ามี View point เด็ดหลายที่เลยนะครับบบ

#ตระเวนไปทั่วเกาะ : แหลมงู

—–

ลูกเพจของผมบางคนอาจจะพอจำได้ว่าครั้งนึงผมเคยไปที่ราชบุรี แล้วก็ไปเที่ยวที่ ‘หินเขางู’ มา วันนี้มาเกาะสีชัง ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะมุ่งหน้าไปที่หาดยายทิมเต็มที่ แต่พอกำลังเเว๊นๆ ไป อ้าวเห้ย! นี่มันหินเขางูเกาะสีชังเหรอ ?? ทำไมเหมือนมากกก 5555+ เป็นการค้นพบด้วยความบังเอิญ ก็เลยแวะถ่ายรูปหน่อย กลับกทม.มาก็มาหาข้อมูลดู จึงได้รู้ว่า…อ่อ…ที่นี่คือ ‘แหลมงู’ ชื่อก็มีความคล้ายไปอีก เป็นความโชคดีที่ไปเจอเลยได้ภาพมุมดิบๆ เท่ๆ กลับมาอีกหนึ่งมุม

#ตระเวนไปทั่วเกาะ : หาดยายทิม

—–

หาดยายทิม เป็นจุดแวะเที่ยวเล็กๆ อีกหนึ่งจุดที่น่ามา บรรยากาศก็จะเป็นทะเล แต่จะมีความเก๋ตรงซากเรือที่จอดทิ้งไว้ มาถ่ายรูปได้อะไรได้ แต่ถ้าจะให้ดี ผมว่าก็ไม่ควรไปปีนป่ายหรือไปทำอะไรกับซากเรือ ถ่ายคู่ไกลๆ ให้พอเป็นกระษัย ได้ภาพสวยๆ กลับไปก็พอแล้ววว อย่าไปเล่นท่ายากแล้วทำให้อะไรที่มีอยู่มันเสียหายเลยเนอะ

#ตระเวนไปทั่วเกาะ : ผาสันติสุข

—–

ได้ยินชื่อก็อาจจะแบบ…เป็นยังไงนะ นึกภาพไม่ออกคืออะไร ซึ่งผมเห็นชื่อทีแรกคือรู้สึกแบบนั้นเลย 5555+ แต่พอได้แวะไป ที่นี่ก็คือวัดแห่งหนึ่งครับ ที่มีพระอยู่ในถ้ำให้ได้แวะไปกราบไหว้ ที่เด็ดอีกอย่างคือที่นี่ก็มี View point มุมสูงให้เราได้ชมกัน แต่จะเป็นมุมที่ต่างออกไปจากที่อื่นๆ นะครับ เพราะที่อื่นจะอยู่บริเวณฝั่งด้านหน้าสุดของเกาะ แต่ที่ผาสันติสุขนี้ จะเห็นเป็นมุมที่เยื้องออกมาก็สวยไม่แพ้กัน

ที่ผาสันติสุขนี้ จะมีทางเข้าวัดที่ไม่เหมือนใคร เพราะด้านหน้าจะเป็นประตูเหล็กแล้วมีกระดิ่งแขวนอยู่ คือก่อนเข้าเราต้องสั่นกระดิ่งก่อนนะครับ พระท่านจะได้ทราบว่ากำลังจะมีคนเข้าไป อารมณ์เหมือนเวลาเราไปบ้านเพื่อนแล้วต้องกดกริ่งหน้าบ้านเรียกเจ้าของบ้านนั้นแหละ ซึ่งหลังจากสั่นกระดิ่งแล้ว 1 ครั้ง ก็ค่อยเดินเปิดประตูเข้าไปครับ แล้วที่ประตูก็จะมีกระดิ่งอีกอันที่พอประตูโดนเปิด ก็จะดังขึ้นมาอีกที มีความแปลกในการจะเข้าไปที่ไม่เหมือนใครเลย

#มื้อเช้าเพิ่มพลังก่อนเดินทางกลับ : อาหารเช้า @Verandah Restaurant

—–

หลังจากที่เราตระเวนไปทั่วเกาะกันมาตั้งแต่เช้าตรู่ วิ่งเล่นกันไปมาหลายต่อหลายที่ ด้วยความที่เป็นเกาะเล็กๆ แต่ละที่เลยจะมีความใกล้กัน แป๊ปๆถึงทั้งนั้น เสียพลังงานกันไปเยอะแล้วเรามาเพิ่มพลังกันด้วยอาหารเช้าเลยก่อนที่จะต้อง check out และเดินทางกลับกทม.กันแล้ว

อาหารเช้าที่นี่ก็จะเป็นมาตรฐานโรงแรมทั่วไปเลยครับ ชอบแบบไทยหรือเทศก็เลือกได้ เบเกอรี่ กาแฟ สลัด หรือข้าวต้ม ข้าวผัดก็มี อิ่มอร่อยแบบง่ายๆ ก่อนจะเก็บกระเป๋าและต้องออกเดินทางกันต่อ

หลังจากเก็บข้าวของกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่เราต้องเดินทางกลับไปยังท่าเรือเพื่อกลับสู่ฝั่ง โดยปกติแล้วทางโรงแรมจะมีรถรับส่งท่าเรือ-โรงแรมให้ขากลับ ตอนช่วงประมาณ 11.30 น. นะครับ มารอตามเวลาที่แจ้งไว้ได้เลย ก็จะได้นั่งรถเท่ๆ สไตล์ local แบบสุดๆ คันนี้กลับกัน

เป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่ผมประทับใจ ได้มาแบกเป้ลุยเดี่ยว กับกระเป๋ากล้องหนึ่งใบ ใช้ชีวิตในเกาะที่มีความอบอุ่นอยู่ทุกพื้นที่แบบนี้ เป็นทริปที่เดินทางใกล้ๆ แต่ให้อารมณ์เหมือนเราได้ไปเที่ยวไกลๆ หลุดไปยังอีกดินแดนหนึ่งท่ามกลางท้องทะเล หลายๆ คนอาจจะเคยมาที่เกาะสีชังแล้ว บ้างก็มาแบบไปเช้าเย็นกลับ บ้างก็มาค้างคืน แต่เชื่อเถอะครับว่าลองมาแล้วค้างคืนดู สักคืนนึงก็ยังดี แล้วคุณจะได้ซึมซับบรรยากาศและวิถีชีวิตแบบชาวประมง และคนบนเกาะที่น่ารัก

พาตัวพาใจมาหลงอยู่ ณ ที่แห่งใด ในเกาะสีชัง… 🙂


#Somewherekohsrichang #somewherehotel #cafekantary #คนหลงทาง #LostInKohSrichang2017


  •