เปิดให้ขึ้น วันนี้ – 𝟮𝟵 มีนาคม 𝟮𝟱𝟲𝟴 ขึ้นได้ 𝟮𝟰 ชั่วโมง
กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลประจำปี ที่แต่ละปีมีเพียงเเค่ 𝟭 ครั้งเท่านั้น!! กับการขึ้นเขาไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่ “เขาคิชฌกูฏ” จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในไทยเลยนะครับบบบ
นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมได้มีโอกาสมาเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏกัน เรียกว่าเป็นหนึ่งในประเพณีที่มีความสำคัญและได้รับความนิยมจากคนไทยทั่วทุกสารทิศ ซึ่งก็เปิดให้ขึ้นได้ตลอด 𝟮𝟰 ชั่วโมง ใครสะดวกจะมาเดินขึ้นช่วงกลางวัน หรือกลางคืนก็ได้หมด
ที่นี่ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีความเชื่อจากตำนานที่เล่าขานกันมาว่า เขาคิชฌกูฏคือที่สถิตของพญานาคผู้ดูแลรักษาและปกป้องสถานที่แห่งนี้ ผู้คนจึงนิยมมาเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลกันอย่างเนืองแน่นทุกปี!! โดยเชื่อกันว่าการได้มากราบไหว้ที่นี่จะนำมาซึ่งโชคลาภ เงินทอง และความสุขในทุกๆ ด้านของชีวิตครับ
สำหรับการมาเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏนั้นนอกจากเราจะได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทแล้ว ก็จะมีจุดแวะพัก มีร้านค้า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ให้เราได้กราบไหว้ขอพร รวมทั้งจุดชมวิวสวยๆ ตลอดเส้นทางไปจนถึงยอดเขาเลย บอกเลยว่าหากใครมีโอกาสต้องลองมากันสักครั้งนะครับ มาด้วยความศรัทธาและความตั้งใจ แล้วเราจะได้พลังดีๆ กำลังใจดีๆ กลับไป มีความสุขและประสบความสำเร็จดั่งใจหวังกันครับ
แล้วในทริปนี้ ผมก็ได้รองเท้าดีๆ ที่เหมาะกับสายลุย สายแอดเวนเจอร์จากแบรนด์ 𝗧𝗿𝗼𝗽𝗶𝗰𝗳𝗲𝗲𝗹 มาใส่ออกทริปกันครับ ซึ่ง 𝗧𝗿𝗼𝗽𝗶𝗰𝗳𝗲𝗲𝗹 เป็นแบรน์รองเท้าจากประเทศสเปน ที่ออกแบบมาสำหรับการเดินทางอย่างแท้จริง และยังเน้นใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ 𝗟𝗶𝗳𝗲𝘀𝘁𝘆𝗹𝗲 ที่หลากหลาย เช่น เดินเล่นในเมือง, เดินป่า, ขึ้นเขา หรือเที่ยวทะเล ให้เราสนุกไปกับทุกๆ การเดินทางเลยครับ
สำหรับแบรนด์ 𝗧𝗿𝗼𝗽𝗶𝗰𝗳𝗲𝗲𝗹 ก็จะมีในไทยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 𝟰 สาขานะครับ
📍 𝗔𝘀𝗶𝗮𝘁𝗶𝗾𝘂𝗲 โกดัง 𝟴
📍 𝗣𝗮𝗿𝗮𝗴𝗼𝗻 𝗗𝗲𝗽𝗮𝗿𝘁𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗦𝘁𝗼𝗿𝗲 ชั้น 𝟮
📣 ช่องทางติดต่อและสั่งซื้อสินค้า
🔴 𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲 >> https://tropicfeelthailand.com/
🔴 𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸 >> Tropicfeel Thailand
🔴 𝗟𝗶𝗻𝗲 >> @𝘁𝗿𝗼𝗽𝗶𝗰𝗳𝗲𝗲𝗹
🔴 𝗜𝗚 >> www.instagram.com/tropicfeel.th/
หรือจะช้อปทาง 𝗟𝗮𝘇𝗮𝗱𝗮 & 𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲 >> https://linktr.ee/tropicfeel.th
นอกจากนี้ทางแบรนก์ก็ยังมีทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ให้เลือกช้อปกันด้วยนะครับ

ก่อนที่เราจะไปเดินทางขึ้นเข้าคิชฌกูฏกัน ผมก็มีรองเท้าดีๆ จากแบรนด์ Tropicfeel มาบอกต่อทุกคนกันครับ บอกเลยว่าตอนนี้ยกให้เป็นรองเท้าคู่โปรดคู่ใหม่ล่าสุดที่เหมาะกับสายลุยมากกก เป็นแบรนด์รองเท้าจากสเปนนะครับ

สำหรับรุ่นที่ผมใส่นี้ จะเป็นรุ่น Lava ครับ สี Orion Blue ดีไซน์เรียบๆ แต่ดูเท่ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ส่วนตัวผมจะไม่ค่อยใส่รองเท้าที่มีลายเยอะๆ อยู่แล้ว เรียกว่าถูกใจมากกกกครับ แต่งตัวง่าย แมทช์ชุดสไตล์ไหนก็เข้ากัน

ที่ชอบมากๆ เลยคือ ตรงตัวเชือกเราไม่ต้องคอยผูกทุกครั้งเวลาที่ใส่เลยครับ แค่สวมเข้าไปแล้วตรงปลายเชือกก็สามารถเลื่อนปรับให้พอดีกับความกว้างของเท้า ซึ่งจะเป็นเชือกแบบยืดหยุ่นตามเท้าของเราได้เลย ใส่แล้วกระชับดีมากๆ

ตัวรองเท้าจะเป็นผ้าตาข่าย AirTech ซึ่งจะมีคุณสมบัติโดนน้ำได้ และแห้งเร็ว พื้นรองเท้าก็ใส่แล้วรู้สึกได้เลยว่าซัพพอร์ตเท้าเราดี ใส่เดินสบายมากกก
พื้นรองเท้าจะเป็นยางที่มีแรงยึดเกาะสูง มีระบบรูระบายน้ำ พร้อมลุยทุกสถานการณ์

รองเท้าน้ำหนักเบา ใส่เดินสบาย ไม่หนักเท้าเลย ซึ่งจริงๆ ผมว่าถึงแม้ใครที่จะไม่ได้เป็นสายลุย แต่มีไลฟ์สไตล์ที่ต้องเดินเยอะๆ เดินบ่อยๆ หรือกำลังมองหารองเท้าสำหรับใส่ไปเที่ยวต่างประเทศคู่นี้ก็ตอบโจทย์เลยนะครับ
เพราะถ้าไปต่างประเทศแล้วต้องเดินเยอะ เดินไกล แล้วเจอรองเท้าที่ซัพพอร์ตเท้าไม่ดี เดินกันจนปวดขา บอกเลยว่าทริปนั้นหมดสนุกแน่ๆ หารองเท้าดีๆ ไว้สักคู่ รับรองว่าใส่คุ้ม ไปไหนก็สนุกทุกทริปครับ

สำหรับการเดินทางขึ้นเขาคิชฌกูฏนั้น ผมก็จะรอขึ้นกันตั้งแต่เช้ามืดเลยครับ ช่วงเวลาประมาณตี 2 กะไว้ว่าจะได้เดินอากาศสบายๆ ไม่ร้อน แล้วตอนลงมาก็เห็นวิวตอนเช้าพอดี
มาถึงเราก็เอารถไปจอดไว้ที่จุดจอดรถนะครับ ซึ่งก็จะมี 2 จุด คือ คิวรถวัดกะทิง และคิวรถวัดพลวง จากนั้นเราก็นั่งรถต่อไปยังจุดขึ้นเขาที่ลานพระสีวลี ซึ่งค่ารถจะคนละ 200 บาท (ทั้งขาไปและขากลับ) และมีค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท

มาถึงลานพระสีวลีกันแล้ว เตรียมตัวเดินขึ้นเขากันเลยครับ

ตรงจุดนี้ก็จะมีคนกราบไหว้พระสีวลีกันอย่างเนืองแน่นเลย
และสำหรับใครที่เดินขึ้นเขาไม่ไหวก็มีบริการขึ้นเสลี่ยงแบบนี้ไปด้วยนะครับ ค่าขึ้นคนละ 800 บาท / ขากลับก็คนละ 800 บาท

สำหรับเส้นทางเดินขึ้นจากจุดเริ่มต้นไปยังรอยพระพุทธบาทนั้น ก็จะมีระยะทางประมาณ 6 กิโลครึ่งนะครับ ซึ่งจะใช้เวลาเดินกันประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง แล้วแต่ความฟิตของร่างกายแต่ละคน
หรือจะค่อยๆ เดินลัดเลาะชมวิว แวะพักระหว่างทางกันก็ได้ ทางเดินไม่ยากครับ แต่ถ้ามีรองเท้าที่ซัพพอร์ตดีๆ หน่อย รับรองว่าเดินขึ้นสบายๆ ไม่มีอาการปวดเท้าเลย

ตรงจุดนี้จะเรียกว่า “เนินพระเมตตา” ครับ

มีระฆังให้เราเดินเคาะกันไปตามทาง แล้วคอยเดินอธิษฐานจิตไปด้วยนะครับ

ระหว่างทางก็จะมีร้านค้า มีจุดแวะพักให้เราได้หายใจหายคอ จิบน้ำกันให้หายเหนื่อยสักหน่อย และก็ยังมี “โรงทานน้ำมะตูม” ที่เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลย


เดินต่อมาอีกสักหน่อย เราก็มาถึงที่ลานรอยพระพุทธบาทกันแล้วครับ ช่วงที่ผมมาพอดีว่าตรงกับวันธรรมดา คนก็เลยไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่ถ้าใครที่มาวันเสาร์-อาทิตย์ หรือตรงกับวันหยุดคนก็จะเยอะกว่านี้มากเลยครับ



มาถึงแล้วเราก็มากราบไหว้ขอพรกันครับ อธิษฐานจิตด้วยความตั้งใจและความศรัทธา



เสร็จแล้วเราจะเดินเข้าไปชมถ้ำฤาษีกันครับ

มีองค์พญานาค และกุมารด้วยล่ะครับ


หลังจากนั้นเราก็จะเดินต่อไปยังจุดบนสุดของเขาคิชฌกูฏกันเลยครับ ตรงจุดนี้จะเรียกว่า “ลานผ้าแดง” ซึ่งก็เดินต่อจากลานรอยพระพุทธบาทมาอีกประมาณ 30 นาที

ตรงจุดนี้จะมีคนมาผูกผ้าแดงกันเยอะมากๆ ครับ เพราะเชื่อกันว่าหากได้เขียนคำอธิษฐานลงบนผ้าแดงแล้วคำขอนั้นก็จะเป็นจริง


เริ่มเช้า ฟ้าสว่างแล้ว ก็เริ่มเดินทางลงกันแล้วครับ

เดินไปแวะตรงจุดชมวิวกันก่อนครับ วิวดี บรรยากาศดี มีองค์พระพุทธรูปอยู่ตรงริมเขาด้วย


รองเท้า Tropicfeel รุ่น Lava ใส่เดินขึ้นเขามาแบบสบายๆ เลย ไม่มีอาการปวดขา ปวดเท้า ใส่เดินกระชับเท้าดีมากๆ ครับ

#คนหลงทาง#จันทบุรี#เที่ยวจันทบุรี#เขาคิชฌกูฏ#ทรอปปิคฟีล#Tropicfeel#TropicfeelThailand