ค น ห ล ง ท า ง

สุคิรินแลนด์…เพราะนี่คือดินเเดนแห่งความสุข

  •  

SUKIRINLAND
สุคิรินแลนด์…เพราะนี่คือดินเเดนแห่งความสุข

—–

ถ้าจะบอกว่า ‘ค ว า ม สุ ข’ มีอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คุณจะเชื่อมั้ยครับ…

เมื่อผมตัดสินใจ ที่จะเดินทางไป จ.นราธิวาส เพื่อลบภาพความน่ากลัวจากข่าวที่เคยได้ยินได้เห็นมานานหลายปี ขอแบกเป้ออกไปสัมผัสกับอำเภอเล็กๆ อย่าง #สุคิริน เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภาพความไม่สงบในจินตนาการเดิมๆ และนำไปสู่จินตนาการใหม่ๆ ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่าที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จะมีอะไรแบบนี้อยู่จริง

เมืองอะไร ทำไมมีครบทุกอย่าง…

มีืทั้งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
มีทั้งความน่ารักของผู้คน
มีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ
มีอาหารอร่อยๆ
มีสถานที่สวยๆและทะเลหมอกแดนใต้
มีความเป็นอยู่ที่ดี 
มีความสามัคคีของชาวบ้าน
มีทุกคนที่รักและช่วยกันดูแลบ้านให้สงบสุข

ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมที่นี่ ถึงจะเป็นสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขขนาดนี้

เพราะนี่คือ #สุคิิรินแลนด์ ดินแดนที่ถูกขนานนามขึ้นมาจากหัวใจของ #สมเด็จย่า และผมอยากจะส่งผ่านความสุขเหล่านี้ไปถึงหัวใจของทุกๆคนผ่านรีวิวนี้ แล้วเราก็จะมีรอยยิ้มไปพร้อมๆกัน (:

—–
#การเดินทางสู่สุคิริน

1. เดินทางโดยรถสองแถว 
ราคาเหมาคัน 200 บาท / ราคาต่อคน คนละ 50 บาท

ขาเข้า
รถสองแถวโดยสารสุไหงโกลก-สุคิริน-ภูเขาทอง
เวลาออก 09.00
เวลาออก 10.00
เวลาออก 11.00
เวลาออก 12.00

ขาออก
รถสองแถวโดยสาร ภูเขาทอง – สุคิริน – สุไหงโกลก 
เวลาออก 06.30

2. เดินทางโดยรถตู้ สนามบิน-สุไหงโกลก คนละ 120 บาท
เบอร์โทร 081-8367757, 099-1625912

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ปลัดเอก 063-9032794

หลังจากนั่งเครื่องจากดอนเมืองมาได้ไม่กี่อึดใจ ใช้เวลาเเค่ชั่วโมงนิดๆ ก็เหมือนย่อแผนที่ระหว่าง กรุงเทพฯ-นราธิวาส ให้เหลือเพียงระยะทางสั้นๆ และใกล้แสนใกล้ จะมาจะไปจังหวัดใต้สุดแดนสยามก็กลายเป็นเรื่องง่าย

แต่การมาเที่ยวครั้งนี้ก็ไม่ได้อยู่ดีๆ สุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามา ก็มีการติดต่อขอคำแนะนำจากคนในพื้นที่ไว้ล่วงหน้าแล้วนะครับบบบ

นี่เลยครับบบบ คนในพื้นที่ที่ผมติดต่อไว้ก็คือ #ปลัดเอก เป็นปลัดคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีใจรักบ้านเกิด ในทริปนี้เราก็จะมีพี่ปลัดเป็นไกด์ที่จะพาเราทัวร์สุคิรินอย่างทั่วถึงเลยทีเดียว

มาถึงแล้วก็ขอไปเดินเล่นในตัวเมืองหาของกินกันหน่อย หิ๊วหิววววว

เสร็จแล้ว พี่ปลัดก็พาเรามุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองสุคิรินกันครับ แต่ปกติแล้วถ้าจะเข้าตัวเมืองสุคิริน ก็สามารถเดินทางด้วยรถสาธารณะได้เช่นกัน อย่างรถสองแถว หรือรถตู้ก็มี ราคาไม่แพงด้วย ยิ่งถ้ามาหลายคนก็เหมาคันมาได้เลย

—–

#การเดินทางสู่สุคิริน

1. เดินทางโดยรถสองแถว
ราคาเหมาคัน 200 บาท / ราคาต่อคน คนละ 50 บาท

ขาเข้า
รถสองแถวโดยสารสุไหงโกลก-สุคิริน-ภูเขาทอง
เวลาออก 09.00
เวลาออก 10.00
เวลาออก 11.00
เวลาออก 12.00

ขาออก
รถสองแถวโดยสาร ภูเขาทอง – สุคิริน – สุไหงโกลก
เวลาออก 06.30

2. เดินทางโดยรถตู้ สนามบิน-สุไหงโกลก คนละ 120 บาท
เบอร์โทร 081-8367757, 099-1625912

พอเข้าสู่ตัวเมืองสุคิรินแล้ว พี่ปลัดก็พาพวกเราไปนั่งเล่น นั่งคุยกับชาวบ้าน ไปนั่งเสวนากับโต๊ะอิหม่าม งานนี้เรียกว่าคุยกันเพลินนนน 555+

มาถึงนราธิวาสทั้งที หลายคนอาจจะสงสัย ว่ามานราธิวาสแล้วเที่ยวอะไร แล้วที่อำเภอสุคิรินมีอะไร เพราะคนอาจจะยังไม่นิยมเดินทางกันมากนัก ก็อาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่าจะไปไหนยังไงดี ซึ่งที่แรกที่เราจะไปกันวันนี้ ก็คือ #น้ำตกสายรุ้ง ครับผม

ระหว่างทางไปก็เจอด่านตั้งกันเป็นปกติ พี่ปลัดเอกก็พาแวะพูดคุยกับพี่ๆทหาร แต่ละคนบอกเลยยืนกันเท่มาก นี่แอบอยากจะมีโมเม้นได้ยืนใส่ชุดทหารแบบนี้บ้างเหมือนกัน 5555+

พี่ชายผมก็ทำเป็นเนียนไปอีก ไปยืนซะกลมกลืนมั้ยละ

ก่อนจะออกเดินทางไปที่น้ำตก เราก็มาแวะไหว้ #สมเด็จย่า กันก่อน อย่างที่เกริ่นไว้ทีแรกเลยครับ ว่าชื่อเมือง ‘สุคิริน’ นั้น เป็นชื่อที่สมเด็จย่าท่านตั้งขึ้น มีความหมายว่า #พันธุ์ไม้อันเขียวชอุ่ม ซึ่งผมต้องบอกเลยว่า ความหมายนี้ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงแต่อย่างใดเลย เพราะธรรมชาติที่สุคิรินนั้น รับรองว่าเด็ด และอุดมสมบูรณ์มากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของไทย ซึ่งผมจะพาทุกคนไปพิสูจน์กันในทริปนี้

มาถึงแล้วววว น้ำตกสายรุ้ง ของผมมมมม

โอ้ววว มาถึงก็เจอเด็กๆ กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานเลย ทุกคนดูมีความสุข และมีรอยยิ้มที่น่ารักมาก มันทำให้ผมรู้เลยว่า…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่มีทางพรากความสุขไปจากเด็กๆที่นี่ได้ ทุกคนยังคงเล่น และใช้ชีวิตกันอย่างปกติ มันคือภาพที่แม้แต่ผมเองก็ยังไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบนี้

ภาพข่าวต่างๆ มันคอยบ่มจิตใจเรามานาน ทำให้คิดไปว่า คนที่นี่จะอยู่ยังไง ? พวกเค้าจะมีความสุขมั้ย ? บ้านเมืองจะน่ากลัวหรือเปล่า ?

แล้ววันนี้ผมก็ได้คำตอบเหล่านั้นแล้ว…

เห็นภาพนี้แล้ว ก็ทำให้นึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ขึ้นมาจับใจ ไม่มีพื้นที่ใดในประเทศไทยที่ท่านไปไม่ถึงจริงๆ รวมทั้งที่สุคิรินแห่งนี้ ท่านเองก็เคยเดินทางมาสร้างความสุข และชีวิตที่ดีให้คนที่นี่เช่นกัน

หลังจากเล่นน้ำกับเด็กๆ ที่น้ำตกสายรุ้งกันไปแล้ว เราก็จะไปหาที่พักสำหรับคืนแรกนี้กันเลยครับบบ

เวลาก็ล่วงมาจนเกือบเย็นๆ วันนี้เราจะพักกันที่ #สายธารรีสอร์ท ราคาคืนละ 500 บาทเท่านั้นเอง ตามมาดูห้องพักกันเลย

ห้องก็กว้างขวาง สะดวกสบายมากๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ! คืนแรกเราจะนอนในห้องกันแบบนี้ แต่วันต่อๆไป รสชาติของการผจญภัย และหน้าตาที่นอนของเราจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 5555+

ความพิเศษของที่พักนี้ ก็คือสิ่งนี้เลยครับ #แม่น้ำสายบุรี อยู่ติดกับที่พักมากกก เดินไปแค่ 100-200 เมตร ก็ถึงเลย แม่น้ำสายนี้มีประวัติและที่มาที่น่าสนใจที่เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราด้วย ไหนๆก็มาถึงที่แล้ว เราไปเดินเล่นที่แม่น้ำสายบุรีกันเลยครับ

มาถึงที่แม่น้ำ ก็มาเจอกับพี่ท่านนี้เลยครับ ชื่อพี่แบยะ เป็นหมอนวดที่น่ารักมากกกประจำหมู่บ้าน เป็นคนทีี่เอ็นเตอร์เทนคนต่างถิ่นอย่างเราเป็นอย่างดี เล่านั้นเล่านี้ให้ฟังเยอะมากๆ

เดินทางมาทั้งวันมันก็จะร้อนๆ เหงื่อๆ หน่อย ก็ขออาบน้ำกันให้ชื่นนนนนใจ ห้องน้ำของพวกผมวันนี้กว้างใหญ่ และธรรมชาติสุดๆ

ตกเย็นมาเราก็จะออกไปเดินเล่นรอบๆเมืองสุคิรินกัน เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ที่บรรยากาศนั้นดูสงบไม่ต่างไปจากจังหวัดอื่นๆเลย

ด้วยความหิวโซของแต่ละคน เราก็มาฟาดมื้อเย็นกันที่ร้านข้าวชาวบ้านแถวนั้นกัน ไม่รู้ทำไมมาที่นี่แล้ว อาหารอร่อยถูกปากไปหมด ทุกคนนี่แบบกินกันคนละ 2 จานอย่างต่ำตลอด อร่อยแบบว่าจานเดียวไม่มีพอ 5555+

ร้านขนมของหวานอะไรก็มี มาเติมความหวานให้ชีวิตกันได้น๊าาาา

อิ่มท้องแล้ว เราก็มาแว๊นมอเตอร์ไซค์เที่ยว แวะถ่ายรูปกันไปตามทาง และกลับที่พักไปเข้านอนกัน เพราะวันพรุ่งนี้เราจะต้องตื่นกันแต่เช้าาาา พี่ปลัดจะพาเราไปสัมผัสอีกหนึ่งเสน่ห์ของสุคิรินที่เรียกว่า #ต้องห้ามพลาด

เช้าวันที่สอง พวกเราก็ลุกจากเตียงกันอย่างไว ตี 4 ไก่ยังไม่ทันขันดี แต่เราขอตื่นก่อนไก่ 5555+ เพราะต้องรีบไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกกันที่ #ผานับดาว

พูดถึงทะเลหมอก หลายคนอาจจะงงๆ และนึกไม่ถึงว่า ภาคใต้เนี่ย…มีทะเลหมอกด้วยเหรอ ?

เพราะปกติแล้วพูดถึงทะเลหมอกก็ต้องภาคเหนือสิครับบบ…จะมีสักกี่คนที่จะคิดว่าภาคใต้อย่างจังหวัดในเขตใต้สุดแดนสยามเนี่ยแหละ ก็มีทะเลหมอกนะเทออออ ขึ้นเหนือให้สุดแล้ว เราก็จะลงใต้ให้สุด ตามมาดูทะเลหมอกที่ต้องบอกว่า #อลังการงานสร้าง ไม่แพ้ใครเลย

สีสันของทะเลหมอก ที่เปลี่ยนไปตามแสงอาทิตย์ และแสงไฟ และเวลาที่ค่อยๆล่วงเลยมาจนเช้าขึ้นเรื่อยๆ มันก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมา และกลายเป็นเวลาเช้าอย่างเต็มที่แล้ว ภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็เห็นได้ชัดด้วยตาเปล่ามากขึ้นเรื่อยๆ …และมันทำให้ผม มีความสุขกับสิ่งที่เห็นได้อย่างเต็มร้อย มองไปทางไหนก็เหมือนกับสวรรค์บนดิน

และเช้านี้ สุคิรินก็กลายเป็นเมืองในสายหมอกไป

ทุกคนอิ่มใจไปกับบรรยากาศ ธรรมชาติแบบนี้ ทะเลหมอกสุดสายตาแบบนี้ ยืนดูได้ทั้งชีวิตแบบไม่มีวันเบื่อเลยจริงๆ

ก็แอบมีบางจุดให้เสียว ให้ได้เดินไต่เชือกกันสักเล็กน้อย

การเดินทางมาที่ผานับดาวนี้ สามารถขี่มอเตอร์ไชค์หรือขับรถขึ้นมาถึงได้เลยนะครับ ไม่ใช่เส้นทางในการเดินป่าอะไร วิวแบบนี้คือถ้าใครคิดว่าร่างกายเดินป่าไม่ค่อยไหว ก็สามารถพาตัวพาใจมาสัมผัสได้เช่นกัน

ตลอดเส้นทางที่ลงจากเขาไป ก็มีแต่หมอกล้มรอบตัวจริงๆ ความเขียวนี้ มันช่างทำให้ใจชุ่มชื้นตามไปด้วย

พี่ๆเจ้าหน้าที่ที่พากันขึ้นไปบนผานับดาว ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ นะครับบบ

ลงจากผานับดาวมา เราก็แว๊นกลับเข้าตัวเมืองกันหน่อย

โอ้วววว ความสุขสายเเว๊นมันอยู่ตรงนี้แหละ หน้าตานี่ตื่นเต้นอย่าบอกใคร เหมือนอยากรู้อยากเห็นไปหมด 5555+

นี่ก็เริ่มสายๆ แล้ว ด้วยความหิวเราก็แวะหาอะไรกินสักหน่อย แต่ด้วยความที่ข้างๆร้านข้าว มีสะพานให้เราได้ไปเดินเล่น แล้วดู๊ดู…ดูบรรยากาศสิครับ หมอกลงขนาดนี้ สวยม๊าาาา

เติมพลังกันหน่อย ก่อนจะไปวิ่งเล่นที่อื่นกันต่อในวันนี้

เรามาขี่รถเที่ยวไปรอบๆ สุคิรินกันดีกว่าครับ

หลังจากเราตระเวนไปรอบๆกันแล้ว ต่อมาอีกไฮไลท์เด็ดที่ต้องมาดูก็คือ #ต้นกระพงษ์ยักษ์ ที่มีอายุเป็นร้อยปี ตั้งอยู่ในเขตของป่าฮาลา-บาลา ป่าที่มีความอุดมสบบูรณ์มากๆ ของนราธิวาส มาถึงแล้วเราก็จะจอดรถไว้ด้านหน้าแล้วเดินเท้ากันเข้าไปสักหน่อย

ถึงแล้วววว คือต้นใหญ่มากกกก ใหญ่ประมาณ 27 คนโอบเลยทีเดียว เป็นสิ่งที่ยืนยันความสมบูรณ์ของผืนป่าในไทยได้เป็นอย่างดี และผมเชื่อว่าต้นกระพงษ์ยักษ์ต้นนี้ น่าจะโตขึ้นเรื่อยๆ และอยู่คู่ป่าแห่งนี้ไปอีกหลายร้อยปีแน่นอน

หลงรักบรรยากาศแบบนี้ ชอบเวลาที่ได้หายใจเข้าไปให้เต็มปอดจริงๆ

ออกจากจุดที่ดูต้นกระพงษ์ยักษ์กันมาแล้ว ก็แอบแวะไปถ่ายรูปคู่กับเสาหลักชายแดนสักหน่อย น้องผมมันง่วงมากแล้ว นี่หลับไปแล้วปลุกมาถ่ายรูป มีความงัวเงียหนักมากกก 5555+ เด็กกำลังโตต้องให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะเย็นนี้เราจะพากันไปเดินป่าให้ใจมันครึกครื้นนนน ปลุกความเป็นชายในตัวคุณกันสักหน่อย

เมื่อเรากลับไปที่พัก หอบผ้าหอบผ่อน ประนึงว่าหนีออกจากบ้าน 5555+ เพราะคืนนี้เราจะเปลี่ยนที่นอนจากเตียงนุ่มๆ เป็นเปลง่ายๆ คนละตัว ท่ามกลางป่าเขา และผ้าใบ 1 ผืนกัน โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ #ผาสน นั้นเองครับ ผาสนคือทริปเดินป่าย่อยๆ ในการมาเยือนสุคิรินของเรา เป็นอีกหนึ่ง unseen แห่งนราธิวาส เอาให้หน่ำใจกับคำว่า #ทะเลหมอกแดนใต้ กันเลย แต่ก่อนที่เราจะไปที่ผาสนกัน ผมก็ได้มีติดต่อกับคนนำทางไว้นะครับ ชื่อ #พี่หรั่ง ก็มีพาเราไปแวะเที่ยวที่ #เหมืองแร่ทองคำโต๊ะโม๊ะ กันหน่อย

—–
ติดต่อการเดินทางสู่ ผาสน อ.สุคิริน : พี่หรั่ง คนนำทาง 093-7250969 และกำนัน 082-8251304 

ระหว่างที่เดินไปที่เหมืองแร่ มันก็จะได้แอดเวนเจอร์เป็นออเดิร์ฟเล็กๆน้อยๆ เหมือนได้วอร์มร่างกายก่อนเดินจริง

นี่ครับ ที่ป่านี้มีเถาวัลย์ป่า ลองมาเป็นทาร์ซานกันดูสักที

ส่วนพี่ผมคนนี้ แหม…มันคันครับ อยากลองบ้าง โหนไปๆ ได้ 3-4 ที มันเหนื่อย อยากเข้าฝั่ง แต่พวกแกล้ง ไม่รับ ปล่อยให้แม่มโหนอยู่แบบนั้น เด้งเข้าเด้งออกอยู่หลายที ก็หอบกันไป 5555+

เสร็จแล้วเราก็เดินกันต่อ เข้าไปข้างในเหมืองแร่กันครับ บรรยากาศคือ ว้าววววมากกกก ดูลึกลับ แต่ก็ดูสวยแปลกตา พี่หรั่งก็พาให้ได้ลองเดินเข้ามาสำรวจดู สำรวจไปสำรวจมา แหม…เจอที่งูลอกคราบไว้ พวกก็วิ่งสิครับ 5555+

โอ๊ยยย พากันออกไปหมด เก่งมาจากไหน…ก็แพ้ ‘พวกงู’ อย่างเทอออ วิ่งกันลืมบ้านเลขที่ไปแล้วในตอนนี้ นี่ขนาดเจอแต่คราบ ยังไม่เจอตัวเป็นๆ ไวเชียวทีนี้

#LostInNarathiwat2017 #คนหลงทาง


  •