ค น ห ล ง ท า ง

น ร า ธิ ว า ส หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12

  •  

เที่ยวใต้ไม่เหมือนใคร…

เดินทางย้อนรอย ‘จากปัจจุบันสู่วันวาน’

พิกัด : อ.สุคิริน จ.นราธิวาส
——

อีกครั้งกับการเดินทางของ ค น ห ล ง ท า ง ที่มุ่งหน้าจากเมืองกรุงสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในทริปนี้ผมจะพาทุกคนไปท่องเที่ยวชุมชนแห่งหนึ่ง ที่อยู่ลึกเข้าไปในอำเภอสุคิริน ห่างไกลจากตัวเมืองและน้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้มาเยือน..

‘หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12’ คือจุดหมายปลายทางของผมในทริปนี้ ที่จะพาเราย้อนรอยจากปัจจุบันไปสู่เรื่องราวในวันวาน ในสถานที่ที่เคยเป็นเมืองสงครามเก่าในยุคสมัยพรรคคอมมิวนิสต์มาลายาในอดีต และยังคงทิ้งไว้ถึงร่องรอยไว้ต่างๆ มากมาย..

ไม่เพียงแต่ Story ที่น่าสนใจ และความสวยงามของธรรมชาติที่นี่ก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร เพราะผมจะพาทุกคนไปสัมผัสบรรยากาศของผืนป่า ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘อเมซอนแห่งเอเชีย’ ซึ่งผมอยากให้ทุกคนได้ทำความรู้จัก และหลงรักที่นี่ไปพร้อมๆกัน…

——-

📌ติดต่อการเดินทางทริปท่องเที่ยวหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 ได้ที่…

Facebook >> วิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12

Tel. 082-2639600, 087-9673076

หากพูดถึง ‘หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12’ แล้ว หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก เพราะถือว่ายังเป็นชุมชนน้องใหม่ในวงการการท่องเที่ยว แต่ถ้าพูดถึง ‘อำเภอสุคิริน’ ก็น่าจะต้องร้องอ๋ออออ… และเคยได้ยินชื่อกันมาแล้วแน่ๆ เลยใช่มั้ยครับ

ครั้งนึงผมเคยมาเยือนที่ อำเภอสุคิริน แล้ว แต่ก็ยังมาไม่ถึงที่หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 เลย กลับมาครั้งนี้จึงตั้งใจมาเยือนชุมชนท่องเที่ยวแห่งนี้โดยเฉพาะเลย ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอสุคิรินประมาณ 27 กิโลเมตรได้ครับ โดยใช้เส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 4084 นราธิวาส-ตากใบ-สุไหงโกลก และเส้นทางหลวง 4047 แว้ง-สุคิริน และเมื่อมาถึง ผมก็ขอเอาสัมภาระมาเก็บไว้ที่พักที่ติดต่อไว้กันก่อนเลย ซึ่งเป็นที่พักของชุมชนที่มีไว้บริการนักท่องเที่ยว

ด้วยความที่ที่พักนั้น จะอยู่ใกล้กับลำธาร เราก็มาเดินเล่นรับความสดชื่นกันได้

เอาละครับบบ สำหรับการมาเที่ยวที่หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 นั้น หลักๆ แล้วก็จะมีการจัดโปรแกรมเที่ยวชุมชนไว้รองรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะที่พัก ที่เที่ยว และกิจกรรมต่างๆ มีครบหมด เรียกว่าเที่ยวกันแบบสะดวกมาก ไม่ต้องคิดแพลนอะไรให้วุ่นวาย แพ็คกระเป๋ามาให้พร้อมก็พอ อย่างกิจกรรมแรกที่จะพาไปทำกันนั้น ก็จะเป็นการ ‘ล่องแก่งต้นน้ำสายบุรี’

ซึ่งเราก็ได้ชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่นี่กันแบบเต็มตา เพราะความเขียวขจี และร่มไม้ตลอดสองฝั่งในเส้นทางล่องแก่งเป็นระยะทางประมาณ 6-7 กิโลเมตรและมีจุดแวะพักที่เราสามารถลงเล่นน้ำคลายร้อนกันได้

หลังจากที่เราล่องแก่งกันมาแล้ว กว่าจะเสร็จก็ช่วงเกือบเย็นๆ พอดี ก็เข้าที่พักพักผ่อนตามอัธยาศัยและทานอาหารเย็นที่มีจัดเตรียมไว้ให้พร้อม กับเมนูพื้นบ้าน เป็นชุดน้ำพริก ผักสดๆ ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมากครับ

สำหรับเช้าวันที่ 2 นี้เราจะไปกันที่ ‘สวนไม้ดอกสุคิริน’ ด้วยความที่อากาศนั้นเย็นสบาย และสดชื่น มีหมอกลอยอยู่ไปมาบรรยากาศดีมากแบบนี้ การได้มาเดินชมต้นไม้ ดอกไม้สวยๆ ก็เป็นอะไรที่เติมพลังยามเช้าได้เป็นอย่างดี

ที่สวนไม้ดอกแห่งนี้จะมีเนื้อที่อยู่ประมาณ 2 ไร่ อยู่ท่ามกลางทิวเขาสลับซับซ้อน ตอนเช้าๆ แบบนี้เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยมากเลย

ที่นี่จะมีดอกไม้นานาชนิดให้เราได้เดินชมและถ่ายรูปกันเพลินๆ

นอกจากนี้ก็ยังมีมุมสงบๆ ให้เราได้นั่งมองวิว พักผ่อนหย่อนใจ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่น่าจะถูกใจคนรักความสงบ และรักธรรมชาติแบบสุดๆ

หลังจากที่เดินเล่นถ่ายรูปในสวนไม้ดอกกันอย่างเต็มอิ่มแล้ว ผมว่าเราไปหากาแฟร้อนๆ ดื่มสักแก้วในยามเช้าแบบนี้กันหน่อยดีกว่า ก็ไปเจอกับร้านกาแฟชาวบ้าน เป็นร้านเล็กๆ แต่ดูน่ารักอบอุ่น

หรือถ้าใครที่อยากหาอะไรทานรองท้อง ก็มีขนมท้องถิ่นที่เรียกว่า ‘จอและมาละ’ หรือ ‘ขนมขี้เกียจ’ ซึ่งเป็นผักเอามาชุบแป้งทอดนั่นเอง

ในส่วนของบรรยากาศรอบหมู่บ้านนั้น ผมว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่น่าอิจฉา ถึงแม้ความเป็นอยู่จะไม่ได้ทันสมัย ศิวิไลซ์อะไรนัก แต่คนเมืองที่ชีวิตต้องมีแต่ความเร่งรีบวุ่นวายทุกวัน เจอแบบนี้เรียกว่าเป็นสวรรค์ย่อมๆ เลยก็ว่าได้ มีความเรียบง่าย สงบ และน่าอยู่

เป็นเมืองในหมอกของจริงเลยนะครับเนี่ย…

ถ้าพูดถึงที่มาที่ไปของชุมชนแห่งนี้ เดิมทีเป็นถิ่นสงครามเก่าเลยก็ว่าได้ เพราะเคยเป็นฐานของพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา จนได้มีการลงนามสันติภาพยุติการสู้รบในปี พ.ศ. 2532 และผันตัวมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ใช้ชื่อหมู่บ้านว่า ‘รัตนกิตติ 4’ และได้รับพระราชทานชื่อใหม่เป็น ‘จุฬาภรณ์พัฒนา 12’ จนถึงทุกวันนี้ และมีการปรับปรุงพัฒนาให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม

ร้านค้าเล็กๆ ของชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ครับ…

อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ เเละเป็นแหล่งรวบรวมเรื่องราวความเป็นมา รวมทั้งประวัติศาสตร์ทางการเมืองในอดีตเอาไว้ ก็คือที่ ‘พิพิธภัณฑ์บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12’

ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ก็จะมีข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า ที่พรรคคอมมิวนิสต์มาลายาใช้กันจริงๆ ในสมัยที่ยังต้องดำรงชีพในป่า มีภาพถ่ายเรื่องราวสำคัญ บุคคลสำคัญ รวมทั้งอาวุธ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผ่านการใช้งานจริงในยุคนั้น

ข้าวของทุกอย่าง ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี ให้คนรุ่นหลังได้มาเที่ยวชมและเรียนรู้

ต่อไปสำหรับใครที่เป็นสายลุย ชอบความแอดเวนเจอร์หน่อย และแน่นอนครับว่าเที่ยวแบบ ค น ห ล ง ท า ง
ก็ต้องมีเส้นทางเดินป่าสวยๆ มาฝากกัน ถือคติว่าเที่ยวแบบสบายๆ คงจะไม่ ขอให้ได้ลำบากและได้ลุยกันสักหน่อย 555555+ ชีวิตจะได้มีรสชาติครับ

กิจกรรมเดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบาลา-ฮาลาและผืนป่าเบนุง ฝั่งประเทศมาเลเซียรวมกัน ทั้งในความสมบูรณ์และขนาดของผืนป่าที่กว้างใหญ่ จนถูกเรียกว่า ‘อเมซอนแห่งเอเชีย’ เลยทีเดียว

ซึ่งตลอดเส้นทาง เราก็จะมีไกด์ท้องถิ่นคอยนำทางเรา ลัดเลาะไปตามป่าและลำธาร ระหว่างทาง เราก็ได้เห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งระยะทางที่เดินนั้นก็ไม่ไกลเลยครับ ประมาณ 1 กิโลเมตรได้ เป็นเส้นทางสั้นๆ เรียกเหงื่อกันเบาๆ

แวะพักทานอาหารกันสักหน่อยครับ ชาวบ้านก็จะมีเตรียมของ และอุปกรณ์แบบง่ายๆ ไม่ทำร้ายธรรมชาติมาทำอาหารทานกัน

บางจุดในป่า ก็จะมีร่องรอยของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ให้เห็นอยู่ ซึ่งเกิดขึ้นในยุคที่พรรคคอมมิวนิสต์มาลายาเคยเข้ามาอาศัยอยู่ในป่าในช่วงที่มีการฝึกและซ้อมรบกัน

มื้อกลางวันแบบง่ายๆ ในบรรยากาศกลางป่า…

ปิดทริปหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 กันไปด้วยบรรยากาศสวยๆ ของป่าอันอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าบาลา-ฮาลา ในอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาสแห่งนี้ที่ผมอยากให้ทุกคนลองเปิดใจมาสัมผัสกัน…

#คนหลงทาง #จังหวัดนราธิวาส #เที่ยวนราธิวาส
#จังหวัดชายแดนใต้ #หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา12


  •