ค น ห ล ง ท า ง

𝐏 𝐄 𝐍 𝐀 𝐍 𝐆 (𝐌𝐚𝐥𝐚𝐲𝐬𝐢𝐚) : ปีนัง 𝟑 วัน 𝟐 คืน 📷✨ เมืองเก่าสุดคลาสสิค – ตะลอนชิม 𝐒𝐭𝐫𝐞𝐞𝐭 𝐟𝐨𝐨𝐝 และที่เที่ยวเด็ดที่ห้ามพลาด!!

  •  

ทริปชิลล์ๆ ของผมในทริปนี้ ขอพาทุกคนบินตรงจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ “ปีนัง” เมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม​ หลายเชื้อชาติ หลายศาสนาของประเทศมาเลเซีย​ ที่เมืองนี้เต็มไปสถาปัตยกรรม​ที่สวยงาม มีคุณค่า แล้วทาง​ 𝐔𝐧𝐞𝐬𝐜𝐨 ก็ยกให้เป็น​เมืองมรดกโลกเล​ยทีเดียว​ ด้วยความแตกต่างแต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว ปีนังจึงเป็นอีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวที่ผมอยากพาทุกคนออกเดินทางไปเปิดประสบการณ์กัน

เที่ยวสนุก แบบงบไม่บานปลาย มีที่เที่ยวหลากหลายครบรสจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศเมืองเก่าสุดคลาสสิค และ 𝐒𝐭𝐫𝐞𝐞𝐭 𝐀𝐫𝐭 สวยๆ รอบเมือง, ที่เที่ยวธรรมชาติ, คาเฟ่บรรยากาศฮิปๆ รวมทั้งใครที่เป็นสายชิม ที่นี่ก็มี 𝐒𝐭𝐫𝐞𝐞𝐭 𝐟𝐨𝐨𝐝 ร้านดังอร่อยๆ อันเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากมามาสัมผัสกัน มีเวลาน้อยก็เที่ยวได้ จัดเป็นทริปสั้นๆ สัก 𝟑 วัน 𝟐 คืนแบบผมเลยก็กำลังดีนะครับ

และที่สำคัญ​ผมว่าที่นี่เป็น​เมืองที่ค่อนข้างเที่ยวได้อย่างสบายใจ และมีความปลอดภัยดีทีเดียวครับ แต่ถึงอย่างไร​เราก็ต้องไม่ประมาทนะครับ เดินทางไปต่างประเทศทุกครั้งผมก็ต้องซื้อประกันการเดินทางไว้เสมอ ไปต่างบ้านต่างเมืองก็ต้องเที่ยวอย่างปลอดภัย เพิ่มความอุ่นใจยิ่งกว่าเดิม ประกัน​ภัยการเดินทางต่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนที่เดินทาง เพราะเหตุการณ์​ไม่คาดฝันอาจ​เกิดขึ้นได้เสมอ

ผมจึงเลือกซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ “𝐓𝐫𝐚𝐯𝐞𝐥 𝐏𝐫𝐨𝐭𝐞𝐜𝐭” จาก “ธนชาตประกันภัย” จ่ายหลักร้อย แต่สามารถ​คุ้มครอง​ได้สูงสุด​ถึงหลักล้าน ดูแลคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วย และคุ้มครองทรัพย์สิน​ของเราด้วย เที่ยวจัดเต็มได้ทุกทริปทั่วเอเชีย ด้วยแพ็คเกจ 𝐀𝐬𝐢𝐚 𝐋𝐨𝐯𝐞𝐫 เริ่มต้นแค่คนละ 𝟐𝟎𝟗 บาทเท่านั้น แล้วยังมีบริการติดต่อในยาม​ฉุกเฉิน​ได้ 𝟐𝟒 ชั่วโมง​เลยล่ะครับบบ
📌 ซื้อประกันง่ายๆ ด้วยตัวเอง สะดวกทุกที่ทุกเวลา เพียงทำรายการผ่าน 𝐖𝐞𝐛𝐬𝐢𝐭𝐞 ได้เลย >> www.thanachartinsurance.co.th​
📣 ติดต่อสอบถามข้อมูล​เพิ่มเติม​ได้ที่…
𝐓𝐞𝐥. 𝟎𝟐-𝟔𝟔𝟔-𝟖𝟖𝟗𝟗
📣 บริการช่วยเหลือขณะเดินทาง (ตลอด 𝟐𝟒 ชั่วโมง)​
𝐓𝐞𝐥. +𝟔𝟔𝟐-𝟐𝟎𝟔-𝟓𝟒𝟑𝟓

🚖 การเดินทางในปีนัง
ไปไหนมาไหนด้วยการเรียก 𝐆𝐫𝐚𝐛​ เลยครับ ทั้งง่าย และสะดวกที่สุด และที่สำคัญ​ค่ารถที่นี่ถูกมากกกครับ คือจะคิดตามระยะทาง ถึงจะไม่มีการกดมิเตอร์​ แต่ตอนกดเรียกรถ ขึ้นแจ้งราคาเท่าไหร่ ก็จ่ายเท่านั้นเลยครับ ไม่มีชาร์จ​เพิ่มใดๆ รถติดก็ไม่มีบวกเพิ่มด้วยนะ ผมเรียกรถไปสถานที่ต่างๆ ในระยะ 𝟐 กิโลเมตร ​ก็จ่ายอยู่ที่ประมาณ 𝟓-𝟕 𝐑𝐌 เท่านั้นครับ (เรทช่วงที่ผมไป 𝟏 𝐑𝐌 = 𝟕.𝟖 บาท)​
ถ้าเที่ยวอยู่​ใน 𝐆𝐞𝐨𝐫𝐠𝐞 𝐓𝐨𝐰𝐧 เป็นหลัก ก็สามารถ​เดินลัดเลาะไปตามซอยเรื่อยๆ ได้นะครับ จุดเที่ยวต่างๆ จะอยู่​ใกล้กัน

⛅ สภาพอากาศ​ในปีนังมีแค่ร้อนกับฝนครับ อากาศตอน​กลางวันค่อนข้างร้อน มีฝนบ้างในบางวัน เที่ยวชิลล์ๆ แบบไม่ต้องปรับตัวเยอะ สภาพ​อากาศ​ใกล้เคียงบ้านเรามากครับ

ก่อนเดินทาง ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม นอกจากสัมภาระต่างๆ แล้ว ประกันการเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญ​ที่ต้องมีเช่นกันครับ ผมเองก็ได้ซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ “Travel Protect” จาก “ธนชาตประกันภัย” ไว้ เพราะเราไม่รู้เลยว่า เหตุการณ์​ไม่คาดฝัน หรือสถานการณ์​ฉุกเฉิน​จะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ ดีที่สุดคือซื้อประกันไว้นะครับ จะได้เดินทางกันแบบอุ่นใจ ไร้กังวล

และทริปมาเลเซีย​ทริปนี้ผมก็เลือกซื้อแบบแพ็คเกจ Asia Lover ครับ จ่ายแค่หลักร้อย แต่คุ้มครอง​ได้สูงสุด​ถึงหลักล้าน เริ่มต้น​แค่คนละ 209 บาทเท่านั้น​เอง และสามารถเลือกซื้อ Top up เพื่อคุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีที่​สายการบินมีการยกเลิก หรือเกิดความล่าช้าในการเดินทาง หรือทรัพย์สินก็คุ้มครองด้วยเช่นกันนะครับ

ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ “Travel Protect” จาก “ธนชาตประกันภัย” ซื้อง่ายๆ ด้วยตัวเอง เพียงทำรายการผ่าน Website ได้เลย >> www.thanachartinsurance.co.th

แนะนำว่าควรซื้อตั้งแต่​ก่อนเดินทาง​ให้เรียบร้อยนะครับ จะได้คุ้มครอง​ตั้งแต่วันแรกที่เราต้องขึ้นเครื่องเลย ซึ่งแพ็คเกจแบบ Asia Lover ก็จะคุ้มครอง​ชีวิต​และค่ารักษาพยาบาล​ / คุ้มครอง​ด้านสายการบิน​ / คุ้มครอง​ทรัพย์สิน​ส่วนตัว​ ครอบคลุม​ทุกเรื่องการเดินทางเลยล่ะครับ

สำหรับขั้นตอนการจองก็ง่ายมากๆ เลือกแพ็คเกจที่เราสนใจได้เลยครับ ซึ่งจะมีทั้งหมด​ 3 แพ็คเกจนะครับ

📌 แพ็ค​เกจ​ Lite : เริ่มต้น​ที่ คนละ 209 บาท
📌 แพ็ค​เกจ​ Smart : เริ่มต้นที่ คนละ 273 บาท
📌 แพ็ค​เกจ​ Gold : เริ่มต้น​ที่ คนละ 458 บาท

อย่างของผมเอง เดินทางประมาณ 3-4 วัน ก็เลือกแพ็คเกจ Smart คนละ 273 บาท หลังจากที่​เลือก​แพ็คเก​จแล้ว​ ก็กรอกข้อมูล​วันเดินทาง และข้อมูล​ส่วนตัวของเราให้เรียบร้อย​ครับ เสร็จแล้วก็กดยืนยัน และทำการชำระเงินผ่านแอพธนาคาร​ได้เลย สะดวกสุดๆ

ใช้เวลา​เพียง​ไม่​กี่​นาทีก็ซื้อประกันเรียบร้อยแล้ววว ง่ายมากเลยใช่มั้ยครับ หลังจาก​นั้นก็จะมีกรมธรรม์​ส่งเข้า Email​ ของเรา ก็เป็​นอันเสร็จ​ครับ แล้วเราก็ลงทะเบียน​ทาง Line กันเอาไว้ด้วยนะครับ เพื่อความสะดวก​ในการติดต่อเจ้าหน้าที่​ได้ตลอด 24 ชั่วโมง​ ซึ่งหากเกิดเหตุ​ใดๆ ก็แจ้งผ่าน Line ได้เช่นกัน​ครับ

📷 Kim Haus Loft
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/M1d4aGGPfny7UkEh7
——

หลังจากที่เดินทางมาถึงตัวเมืองปีนังกันแล้ว ก่อนอื่นผมก็ขอไปเช็คอินที่พักที่จองเอาไว้ก่อนเลยครับ ไปเก็บสัมภาระ​เข้าห้องกันให้เรียบร้อย​แล้วค่อยออกไปตะลอนเที่ยวกันให้ทั่วปีนัง

ซึ่งที่พักของผมในทริปนี้ก็คือ “Kim Haus​ Loft” จะอยู่​ใจกลาง George Town เลยครับ โลเคชั่น​คือดีมากๆ สะดวกต่อการเดินทางไปยังจุด Landmark​ ต่างๆ และเดินเที่ยวรอบๆ ได้เลย ซึ่งย่านที่ผมพักนี้จะเป็นย่าน Chinatown นะครับ แหม… หน้าเป็นอาตี๋ ตาชั้นเดียวขนาดนี้ มาพักแถวนี้ถือว่ากลมกลืนสุดๆ 55555+

ที่ Kim Haus​ Loft นี้จะเป็นที่พักสไตล์​ Hostel นะครับ ซึ่งก็จะมีทั้งห้องพักแบบเตียงรวม ใช้ห้องน้ำส่วนกลาง สำหรับชาว Backpack ในราคาหลักร้อย และก็มีทั้งแบบห้องส่วนตัว ที่มีห้องน้ำในตัว ในราคาหลักพันต้นๆ ซึ่งผมก็เลือกจองแบบห้องส่วนตัวมาครับ คิดเป็นเงินไทยประมาณ​ 1200-1300 บาท ซึ่งจะอยู่ชั้นบนสุดของที่พักเลย วิวดีไปอีกนะครับ มองเห็นเมืองปีนังจากมุมสูงได้เลย

บรรยากาศ​ของที่พัก บอกเลยว่าผมชอบมากๆ ครับ ถ่ายรูปออกมาดูดีทุกมุม ตกแต่งในสไตล์ Loft ดิบๆ คุมโทนสีไปหมด Mood &​ Tone เท่ไม่ไหว ส่วนด้านล่างสุดที่ชั้น 1 ก็ทำเป็นคาเฟ่ และร้านอาหาร คงคอนเซ็ปต์ความเป็น Loft เท่ๆ ไว้เช่นเคย

ที่พักนี้โดยรวมแล้วถือว่าแนะนำเลยครับ ห้องพักดี โลเคชั่น​อยู่​ใจกลางเมือง เที่ยวง่าย เดินทาง​ก็สะดวก ราคาไม่แรง​ แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่าที่นี่จะไม่มีลิฟท์​ เพราะได้นำตึกเก่ามารีโนเวทใหม่ ซึ่งโครงสร้างตึกก็คงไว้แบบเดิมๆ เลยครับ ไม่ได้​เป็นตึกสร้างใหม่ ถ้าใครที่ชอบความคลาสสิค​ของตึกเก่า การเดินขึ้นบันไดก็ถือว่าไม่เป็นปัญหา ส​่วนสัมภาระต่างๆ ก็แจ้งกับทาง Reception ​ได้เลยครับ มีบริการเอาขึ้นไปให้ถึงห้องเลยล่ะ

อย่างที่บอกครับว่าที่พักของผมอยู่ในย่าน Chinatown รอบๆ ก็จะมีตึกเก่าในสไตล์​จีนอยู่หลายตึก แต่ก็แอบมีบางตึกเป็นสไตล์​ยุโรปปะปนกันมาบ้าง เอาเป็นว่าแค่ย่านนี้ก็เดินถ่ายรูป​กันเพลินแล้วครับ มีแต่สถาปัตยกรรม​สวยๆ เต็ม​ไปหมด

ด้วยความที่ปีนังนั้น เป็นเมืองที่ผสมผสาน​หลายเชื้อชาติ หลายวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน กลายเป็น​เมืองที่มีเสน่ห์ และเต็มไปด้วยความคลาสสิค​ในแต่ละมุมเมือง

สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในปีนัง และถือเป็นความโดดเด่นเลยก็คือ สถาปัตยกรรม​ที่ยังคงไว้เดิมๆ ทั้งหมดครับ ผมว่าเกือบจะทั้งเมืองเลยนะ ที่เป็นตึกเก่าแล้วคงโครงสร้างเดิมไว้ แทบจะไม่มีตึกสร้างใหม่ให้เห็นเท่าไหร่นัก ใครที่ชอบบรรยากาศความเป็น​ Old Town ที่มีเสน่ห์ จนถูกยกให้เป็นเมืองมรดกโลกจะต้องหลงรักปีนังอย่างแน่นอน

เรามาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ ที่พักในยามค่ำคืนกันครับ…

มีร้านกาแฟที่เปิดขายท้ายรถ แล้วจอดขายที่ริมทางแบบนี้ด้วยล่ะ ร้านเท่มากๆ

📷 George Town
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/4ov3nsid74c9pm639
——
มาปีนังทั้งที สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือการไปเที่ยวชมตึกสวยๆ รอบเมือง George Town นี่แหละครับ ซึ่งเรียกว่ามีทุกตรอกซอกซอย เราสามารถ​เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ แล้วถ่ายรูป​กันได้เพลิน อย่างตึกสีขาวๆ ที่จุดนี้ จะเป็นอาคารสำนักงานนะครับ ซึ่งอยู่​ตรงหัวมุมทางเเยกพอดี หากมาถึงปีนังแล้วต้องห้ามพลาด เป็น Landmark​ สำคัญ​เลยล่ะครับบบ

ส่วนจุดนี้จะเป็นสถานีดับเพลิงนะครับ ตึกสวยมากๆ มีความคลาสสิค​ดูลงตัว จะอยู่​ตรงกลางสี่แยกเลย เดินมาคือเห็นเป็นตึกสีแดงโดดเด่นมาก ที่ตรงด้านข้างก็มี Street Art ที่เล่าเรื่องราวของเจ้าหน้าที่​ดับเพลิงให้เราได้ชมกันด้วย ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีเลยนะครับ ทำให้กลายเป็นสถานที่​ที่ดึงดูด​นักท่องเที่ยว​ให้มาแวะถ่ายรูป​กัน เป็น​อีกจุดแวะเที่ยวสำคัญ​ที่มาแล้วได้รูปสวยแน่นอน

ในกรณีที่ทรัพย์สินส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเดินทาง, เงินสด รวมทั้งเอกสารเดินทางต่างๆ หากสูญหาย หรือเสียหาย ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ “Travel Protect” จาก “ธนชาตประกันภัย” ก็คุ้มครองด้วยนะครับ

ถ้าใครอยากได้บรรยากาศเหมือนมายุโรปก็ต้องมาโซนนี้เลยครับ แถวๆ ตึก Maison de Poupee จะเป็นโทนสีขาวคลีนๆ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก

อีกฝั่งของตึก Maison de Poupee ก็จะมีหอนาฬิกา ถ่ายออกมาได้ฟีลยุโรปสุดๆ

📷 Street Art
พิกัด​ >> รอบเมือง George Town
——

ไฮไลท์ของการมาเยือนปีนังที่ทุกคนต้องไม่พลาดเลยก็คือการมาเดินตามล่าหา Street Art ที่ซ่อนอยู่ตามทุกมุมเมืองนี่แหละครับ ซึ่งผมบอกเลยว่าเยอะมากๆ ครับ แต่ละภาพก็สื่อความหมาย และวิถีชีวิตของชาวปีนัง เดินถ่ายรูปกันเพลินไปเลย ซึ่งเป็นเหมือนกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ Challenge ตัวเองนะครับว่าจะหากันจนครบมั้ย หรือใครอยากจะเดินถ่ายเฉพาะจุดที่เป็นภาพดังๆ ก็ใช้บริการคุณลุงสามล้อได้นะครับ มีพานั่งรถไปชม Street Art รอบเมืองก็สะดวกดีครับ

📷 Armenian Street
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/y5XX8qZv4EEykWL9A
——
อีกหนึ่งย่านของถนนสายวัฒนธรรม​ เต็มไปด้วยบรรยากาศ​ร้านค้า และความย้อนยุคอันมีเสน่ห์​ ที่นี่จะเป็นตรอกที่สามารถ​เดินเที่ยว​ได้เพลินเลยทีเดียวครับ มีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของฝาก งาน Handmade ต่างๆ แล้วยังมี Street Art ที่ซ่อนอยู่​ตามมุมตึกให้เราได้เดินตามล่าหาพิกัดถ่ายรูป​กันสนุกๆ ด้วย

จะนั่งรถสามล้อชมวิวรอบเมืองก็ได้นะครับ

ร้านไอศกรีม​ที่อยู่ใน Armenian Street เป็นไอศกรีม​แบบ Homemade เดินผ่านก็สะดุดตา​ตั้งแต่​หน้า​ร้าน​แล้ว ก็ต้องแวะเข้าไปสั่งกินกันสักหน่อยครับ

ตรงข้ามกับร้านไอศกรีม​ ก็จะมีร้าน Woody Cafe มาในโทนสีเขียวพาสเทลดูสบายตา เห็นแล้วก็ต้องขอแวะเข้าไปจัดน้ำเย็นๆ ชื่นใจสักแก้ว ด้านในร้านก็ตกแต่งไว้น่ารักทีเดียวครับ เรียบๆ แต่ดูดี เดินมาด้านหลังร้านแอบมีมุมจัดสวนในร่มไว้ด้วย บรรยากาศ​ดีมากครับ

ตรงนี้จะเป็นศาลเจ้าที่อยู่ตรงทางเข้า Armenian Street เลยครับ

📷 Chulia Street
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/9hZP6fX8JuSCtC5HA
——
ในยามค่ำคืน ที่นี่ก็เป็นเมืองที่คึกคัก และเต็มไปด้วยสีสันของวิถีชีวิต​ผู้คน สำหรับใครที่เป็นสายกิน อยากมาลองเมนู Street food แนะนำว่าต้องไม่พลาดเลยครับ

ที่ Chulia​ Street จะมีร้านค้า ร้านอาหารข้างทางอยู่หลายร้าน บรรยากาศ​ก็นั่งทานกันง่ายๆ แบบที่บ้านเราเลยครับ เมนูต่างๆ ก็ราคาไม่แพง รสชาติอาจจะไม่ได้จัดจ้านเหมือนอาหารไทย แต่ก็อร่อยถูกปากครับ อย่างจานนี้จะคล้ายๆ เส้นใหญ่​ผัดซีอิ๊ว​ของไทย ผัดด้วยเตาถ่าน กลิ่นหอมมากกก เส้นนุ่ม รสชาติ​ดี กินได้แบบไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย

บางเมนูมีความคล้าย Street food ของไทยอยู่เหมือนกัน เช่น หอยทอด, ก๋วยเตี๋ยว​ผัดแบบแห้งๆ ก็มีนะครับ ซึ่งที่นี่จะอยู่ใกล้กับที่พัก Kim Haus Loft เลยครับ เดินมาไม่เกิน 10 นาที ช่วงค่ำถนนนี้จะคึกคักมาก นักท่องเที่ยว​มากันเยอะเลย

ร้านนี้เดินเข้าจากปากซอยก็สะดุด​ตาเลยครับ จะขายเป็นพวกเมนูเสียบไม้ทั้งร้าน เวลาซื้อก็เลือกตามใจชอบเลยครับ เสร็จ​แล้ว​เราก็เอาไปลวกในหม้อให้สุก ตักราดน้ำจิ้มแล้วยืนกินที่หน้าร้านได้เลย

📷 Kimberley Street
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/2aFKdCh47oh7vy4a8
——
เอาใจสาย Street food กันอีกสักที่ครับ ที่ Kimberley Street แห่งนี้ ก็มีร้านค้า ร้านอาหารเยอะเช่นกัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักอีกเช่นเคยครับ แต่จะต้องเดิน​ไปคนละทางกับ Chulia Street​ นะครับ ใช้เวลาประมาณ​ 10 นาทีก็ถึงแล้วล่ะ เป็นถนนอีกเส้นที่ขึ้นชื่อเรื่อง Street food มีนักท่องเที่ยว​แวะเวียนมากันเยอะเลย

ผมก็ลองสั่งมา 3 เมนูครับ​ เมนูแรกจะคล้ายๆ ผัดหมี่ฮกเกี้ยน แต่เครื่องที่ใส่และรสชาติจะต่างจากที่ไทย ใส่ผัก ใส่แผ่นแป้ง และปลาหมึก ส่วนเมนูที่ 2 จะเป็นบะกุ๊ดเต๋ซี่โครงหมู กินร้อนๆ ซดคล่องคอดีครับ และเมนูสุดท้าย​เส้นหมี่ผัดแบบห่อใส่กระดาษ ห่อละแค่ 2 RM เท่านั้นเองครับ (15 บาท) ซึ่งก็ไม่ได้มีใส่เนื้อสัตว์​อะไรนะครับ ผัดแบบง่ายๆ แต่อร่อยดี

📷 Penang Hill
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/vDAZ5EyhMzmCakWN9
——
เช้าวันที่ 2 ผมก็ตั้งใจจะขึ้นดูพระอาทิตย์​ขึ้นกันที่ Penang​ Hill แต่เช้าเลยครับ ผมออกจากที่พักไปช่วงประมาณตี 5.30 ครับ เรียก Grab ไปลง Penang Hill ซึ่งห่างจากที่พักไป 8 กิโลเมตร ซึ่งจะออกไปทางชานเมือง​หน่อย ค่ารถ = 9 RM ตีเป็นเงินไทยแค่ 68 บาท ถูกมากๆ ครับ ใช้เวลาเดินทางแค่ 20 นาที รถไม่ติดเลยยย อยู่​ที่นี่คือเรียกรถแบบไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทางเลยครับ เที่ยวสบายใจสุดๆ

เดินทางมาถึงท้องฟ้ายังมืดอยู่ แต่ Penang​ Hill เปิดให้เข้าซื้อตั๋วตอน 06.15 A.M. ก็นั่งรอกันสักครู่ครับ ค่าตั๋วคนละ 30 RM ซึ่งตั๋วแบบ​ธรรมดา​ แต่ถ้า Fast lane ก็จะแพงขึ้นอีกเท่าหนึ่ง แต่ด้วยความที่ผมมาแต่เช้า คนยังน้อย ก็ซื้อแบบธรรมดาครับ ได้ขึ้นรถรางเที่ยวแรกๆ เลย

ขึ้นมาถึงด้านบนได้ทันรอดูบรรยากาศ​ช่วงที่พระอาทิตย์​ขึ้นพอดี อากาศ​ดี เย็นสบาย วิวปีนังมุมสูงสวยมากกกก มีทะเลล้อมรอบ และด้วยความที่เมื่อคืนปีนังฝนตกอากาศ​ชื้น เช้าวันนี้ก็หมอกมาเต็มเลย ยิ่งวิวดีเข้าไปอีก เดินชมธรรมชาติ​กันไป รับความสดชื่นในยามเช้า

มุมไฮไลท์ของ Penang Hill ที่พลาดไม่ได้เลย

วิวปีนังมุมสูงในยามเช้า บอกเลยว่าสวยมากๆ ครับ มีหมอกลอยไปมาเหนือท้องทะเล อลังการสุดๆ

เดินถัดไปไม่ไกลนัก ก็จะเจอกับวัดฮินดูสวยมากๆ ครับ เป็นวัดเล็กๆ ที่อยู่บนยอดเขา Penang Hill

📷 Kek Lok Si Temple
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/jru8wbxFjC1p3jyv7
——
เสร็จ​จากการเดินเที่ยวที่ Penang​ Hill แล้ว เราก็ไปต่อกันที่ Kek Lok Si Temple กันเลยครับอยู่ไม่ไกลกันมาก นั่งรถมาประมาณ​ 2 กิโลเมตร​ ที่นี่จะเป็นวัดจีนที่สวยมาก อลังการสุดๆ ครับ เป็นวัดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเลย มีพื้นที่กว้างขวาง​ ถ่ายรูป​สวยไปทุกมุมเลยครับ

ตรงทางเข้าจะมีบ่อเลี้ยงเต่าบ่อใหญ่ คนไทยเลยนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “วัดเต่า”

มาถึงแล้วก็แวะเข้าไปไหว้เทพเจ้าขอพรกันหน่อยครับ เดินเที่ยวได้รอบไปตามจุดต่างๆ ลัดเลาะตามแนวเขาไป จนถึงด้านบนสุดจะมีเจดีย์ขนาดใหญ่ โดดเด่นมากครับ

📷 Toh Soon Cafe
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/rg7WT5hVYBXPs5U89
——
เป็น​ร้านข้างทาง ที่อยู่ในตรอกแคบๆ นั่งกินกับโต๊ะเล็กๆ ดูธรรมด๊าาา ธรรมดา แต่แอบมีเสน่ห์​อย่างบอกไม่ถูก เห็นแล้วเหมือนมีอะไรกวักมือเรียกให้เราไปยืนต่อคิวกับชาวบ้านเค้านะครับ 55555+ บรรยากาศ​ร้านนี้คือได้มากกกก ให้ฟีลแบบ… นี่แหละ มาแล้วมันต้องได้มานั่งกินร้านสไตล์ Local ในซอยแบบนี้ ถึงจะรู้สึกเข้าถึงความ​เป็น​ปีนัง

ที่นี่จะเป็น​ร้านที่ขายเมนู​อาหารเช้านะครับ เป็นกาแฟโบราณ​ กินคู่กับไข่ลวก, ขนมปังปิ้ง แนวนี้ครับ กินง่ายๆ อร่อยเบาๆ

ส่วนอีกเมนู​หนึ่งซึ่งผมเองก็ไม่รู้​เรียกชื่อว่าอะไรนะครับ เห็นทางร้านทำเป็นห่อเล็กๆ ตั้งเอาไว้บนโต๊ะ พอเเกะออกมาดู ก็เป็นเหมือนข้าวคลุกน้ำพริก มีไข่ต้ม กับปลาทอดตัวเล็กๆ ก็คิดว่าลองดูสักคำสิ รสชาติ​เป็นยังไง?… เท่านั้นแหละครับ สุดท้ายแล้วผมจัดไป 5 ห่อ หิ้วกลับห้องพักด้วยอีก อร่อยเด้อออ เมนูอะไรเนี่ยยยย 555555+

📷 Little India
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/BoUwv9Ro3Q8giVsR9
——
ต่อไปเราไปเดินเล่นที่ย่าน Little India กันครับ ที่นี่จะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และวิถีชีวิต​ของคนอินเดียในปีนัง เรียกว่า​คึกคัก​ดีทีเดียว มีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย​กัน ลองเดินลัดเลาะ​ไปตามซอยต่างๆ ถ่ายรูปออกมาบรรยากาศดู​เหมือนอยู่อินเดียเลยจริงๆ ผมว่าที่ปีนังมีชาวอินเดีย​มาอาศัยอยู่ค่อนข้าง​เยอะเลยนะครับ

เดินถัดไปอีกหน่อย ก็จะเจอกันวัดฮินดูที่อยู่ในย่าน Little India​ เดินผ่านก็ต้องแวะทันทีทันใด​เลยครับ วัดสวยมากๆ

📷 The Sugar Tang
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/FpsEVGCfGKSZi1Wo8
——
คาเฟ่​สไตล์​ Minimal ที่น่าจะถูกใจใครหลายๆ คน ซึ่งคาเฟ่ที่นี่ส่วนใหญ่​ก็จะอยู่​ในตึกห้องแถวนะครับ และด้วยความที่เป็น​เมืองเก่า และมีสถาปัตยกรรม​สวยๆ อันเป็น​เอกลักษณ์​ของ​เมืองอยู่​แล้ว​ คาเฟ่ที่ปีนังก็จะเป็น​การรีโนเวทภายในใหม่ทั้งหมด แต่คงโครงสร้าง​ตึกแบบเดิมเอาไว้ ดูมีเสน่ห์​มากๆ

และถึงแม้ว่าด้วยความที่เป็น​คาเฟ่ในตึกแถว แต่ก็จัดสรรพื้นที่ออกมาได้เป็น​อย่างดี​ ด้านในดูกว้างขวาง​ ไม่อึดอัด มีมุมสวยๆ ให้เลือกนั่งกันได้ บรรยากาศ​ดี ถ่ายรูป​ออกมาสวยคุมโทน ดูคลีนสบาย​ตา

การสั่งอาหารก็สะดวกมากครับ หลายๆ ร้านในปีนัง ไม่ว่าจะ​เป็น​คาเฟ่หรือร้านอาหาร ก็จะให้เราแสกน QR Code แล้วกดสั่งได้ด้วย​ตัวเองเลย

📷 Bricklin Cafe Bar
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/MRgASrU1mQmLXRU2A
——
เปลี่ยน​บรรยากาศ​มานั่งจิบกาแฟในร้านแนวเท่ๆ กันบ้างครับ ที่ร้าน Bricklin​ Cafe Bar นี้ จะตกแต่ง​ในสไตล์​ Loft ดิบๆ กำแพงร้านจะเน้่นเป็นอิฐ​แดงตามชื่อร้าน ส่วนการตกแต่งและส่วนอื่นๆ ของร้านก็จะคุมโทนสีดำ-เทาดูเข้ากันได้ดีกับสีของกำแพงอิฐแดง ด้านหน้าตัวร้านจะเป็น​ห้องกระจกใส มองเห็นวิวด้านนอกที่เห็นรถสัญจร​ไปมา​

คาเฟ่ที่ปีนังเกือบจะทุกร้าน​เลยครับ พวกเมนูเครื่อง​ดื่มต่างๆ ราคาจะสูงกว่าที่ไทยสักหน่อย​ เริ่มต้นที่แก้วละประมาณ​ 90-100 บาท แต่ถ้าเป็นพวกเมนูอาหาร ราคาจะพอๆ กับที่ไทยเลย

📷 The Postcard Shop
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/6jhgRDcpEagZ2Vj4A
——
เห็นชื่อร้านแล้ว ตอนแรกก็แอบเอ๊ะนิดนึง​ ว่าเป็น​ร้านขายโปสการ์ด​หรือเปล่า​ แต่ที่นี่เป็นทั้งร้านโปสการ์ด​แล้วก็เป็​นคาเฟ่ด้วยล่ะ

บอกตรงๆ ว่าชอบบรรยากาศ​ร้านมากอีกแล้วววว ผมชอบร้านที่ดูมีความเยอะแบบไม่ตั้งใจ แต่จริงๆ​ แล้ว​ของทุกชิ้นที่ตกแต่ง​ไว้ตรงนั้นที ตรงนี้ที ในแต่ละมุมมันคือความตั้งใจ และพิถีพิถัน​ในการจัดวางมาเป็นอย่างดี ทุกสิ่งทุกอย่าง​จึงดูลงตัวไปหมด หน้าร้านก็มีต้นไม้ตกแต่ง​ดูสบายตา ที่นั่งก็จะมีทั้งด้านใน และด้านนอกที่ตั้งอยู่​ริมถนน บอกเลยว่าชิลล์​ดีเหมือนกัน​นะครับ

แอบบอกอีกนิดว่าตรงข้างๆ กำแพงร้านมี Street Art ให้มาถ่ายรูป​กันด้วยนะ

📷 Langit Senja Kopi
พิกัด​ >> https://maps.app.goo.gl/iPK635r8fhsyzDmd7
——
คาเฟ่เล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในห้องแถวตึกเก่า ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับย่าน Armenian Street เลยครับ ที่ร้านนี้ตกแต่งออกมาได้​ Cozy ดูอบอุ่น แต่ละมุมก็ดูลงตัวไปหมด ถึงแม้จะเป็นคาเฟ่ที่มีพื้นที่ไม่มากนัก แต่ก็มีมุมให้ถ่ายรูปกันหลายมุม

ต้องบอกเลยครับว่าที่ปีนังนั้นมีคาเฟ่สวยๆ อยู่เยอะมากกก แทบจะทุกตรอกซอกซอยเลยทีเดียว และที่นี่ก็เป็นอีกร้านหนึ่งที่ผมอยากแนะนำมากครับ

เอาเป็น​ว่าใครที่ชอบสไตล์​ Home Cafe ต้องห้ามพลาดเลยครับ ร้านนี้ Mood ดีมากกกก หลงรักบรรยากาศ​สุดๆ

📷 Roti Breakfast
พิกัด​ >> ตรงหัวมุมสี่แยก Campbell
https://maps.app.goo.gl/tSciqKKY74WoRPRx9
——

ร้านอาหารเช้าที่อยู่ใกล้ๆ กับที่พักของผมเลยครับ ที่นี่จะเป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ขายโรตีกินกับน้ำแกง และมีชา กาแฟโบราณไว้กินคู่กัน โรตีที่นี่ก็มีทั้งแบบใส่ไข่ และแบบใส่กล้วยนะครับ กินกับน้ำแกงแล้วเข้ากัน หอมเครื่องเทศกำลังดี บรรยากาศก็นั่งทานกันสบายๆ อยู่ตรงสี่แยกพอดีเลย ซึ่งใกล้ๆ กันก็จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของริมถนนเป็นตลาดเช้าด้วยล่ะครับ…

เป็นยังไงกันบ้างครับกับทริปปีนังของผมในวันนี้ บอกเลยว่าทุกคนก็เที่ยวตามได้ง่ายๆ เลยนะครับ งบเที่ยวไม่มีบานปลาย เที่ยวแบบผมรวมทุกอย่างทั้งค่ากิน ค่ารถ ค่าที่พัก ค่าเดินทางต่างๆ ในปีนัง ก็ตกคนละ 4,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง มาเยือนเมืองเดียวแต่เปิดประสบการณ์ความหลากหลายทางวัฒนธรรมแบบครบรส แล้วยังเดินทางไม่ไกล จัดทริปสั้นๆ มากันได้แบบชิลล์ๆ เลย

และที่สำคัญเลย ทุกครั้งก่อนเดินทางก็ต้องซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ “Travel Protect” จาก “ธนชาตประกันภัย” เพื่อความอุ่นใจในทุกทริปกันด้วยนะครับ เริ่มต้นแค่คนละ 209 บาท ก็คุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาล, คุ้มครองด้านสายการบิน และคุ้มครองทรัพย์สินส่วนตัวของเราแบบครอบคลุมเลย

📌 ซื้อประกันง่ายๆ ด้วยตัวเอง สะดวกทุกที่ทุกเวลา เพียงทำรายการผ่าน Website ได้เลย >> www.thanachartinsurance.co.th

📣 ติดต่อสอบถามข้อมูล​เพิ่มเติม​ได้ที่…
Tel. 02-666-8899

📣 บริการช่วยเหลือขณะเดินทาง (ตลอด 24 ชั่วโมง)​
Tel. +662-206-5435

#ธนชาตประกันภัยTravelProtect#ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ#คนหลงทาง#เที่ยวปีนัง#มาเลเซีย


  •