พิกัด : ตลาดน้ำอัมพวา จ.สมุทรสงคราม
ใครที่หลงรักบรรยากาศสถานที่ท่องเที่่ยวแบบไทยสไตล์วันนี้ผมจะขอพาทุกคนไปพักผ่อนกันที่ #ตลาดน้ำอัมพวาแหล่งชิลล์ใกล้กรุงที่เที่ยวได้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออก หรือจะมีลมหนาวพัดมาให้เย็นจับใจที่อัมพวาแห่งนี้ก็พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเสมอ
ตลาดน้ำแบบไทยนี่บอกเลยว่าเป็นอะไรที่มีเสน่ห์และเที่ยวได้ไม่มีเบื่อ ทั้งของกินอร่อยๆ ร้านค้ามากมายวิถีชีวิตของชาวบ้านและชุมชน รวมไปถึงที่พักดีๆที่ใกล้ชิดติดชุมชน อยู่ริมคลองและใกล้ตลาดน้ำ อย่างที่ #โรงแรมชูชัยบุรีศรีอัมพวา ที่แค่เดินไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ก็มาถึงตลาดน้ำอัมพวากันแล้วครับที่โรงแรมชูชัยบุรีนี้ เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องพักให้เลือกมากมายหลายแบบ รองรับลูกค้าได้ทุกวัยดีไซน์สไตล์ไทยย้อนยุค แต่เป็นไทยแบบที่ผสมผสานมีกลิ่นอายของความเป็นยุโรปเข้ามาอย่างลงตัว
ที่โรงแรมแห่งนี้คือนอกจากจะเป็นที่พักแล้วก็ยังมีในส่วนของพิพิธภัณฑ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในโรงแรมที่สามารถแวะมากราบไหว้ขอพรกันได้ มีร้านค้าร้านอาหาร และร้านเบเกอรี่ริมน้ำที่บรรยากาศดีจริงๆเพราะเราจะได้นั่งชิมอาหารอร่อยๆ ไปพร้อมกับการชมวิวริมคลอง เห็นเรือของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่สัญจรผ่านไปมา เรียกว่าบรรยากาศมีความคึกคักตลอดทั้งกลางวันกลางคืน มีสีสันและเสน่ห์ที่ต้องมาเยือน
#ติดต่อสอบถามหรือจองที่พักได้ที่
Tel. 034129900
Line : @chuchaiburi
Email : reserve.chuchaiburi@gmail.com
Fanpage : https://www.facebook.com/Chuchaiburi/
www.chuchaiburi.com

เอาละครับ หลังจากที่เราขับรถจาก กทม. กันมาได้ไม่กี่อึดใจ เราก็มาถึงที่ #โรงแรมชูชัยบุรี กันแล้วววว
สำหรับการเดินทางมาอัมพวานั้น หากใครไม่มีรถส่วนตัว ก็อาจจะนั่งรถตู้มากันก็ได้ครับ เท่าที่ผมมีข้อมูลคือสามารถขึ้นจากหมอชิตก็ได้ นั่งรถมาลงที่ท่ารถตู้ตลาดแม่กลอง หลังจากนั้นจะมีรถสองแถวนั่งต่อเข้าไปที่อัมพวาก็ได้ ส่วนใครที่ขับรถมาเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถเลยครับ ที่นี่เค้ามีที่จอดรถให้บริการสำหรับลูกค้าที่มาเข้าพัก

แค่มาถึงก็ประทับใจกับ Lobby ที่มีความอลังการสุดๆ สาวๆคนไหนมา ก็มาเดินหามุมถ่ายรูปสวยๆกันได้เลย เหมือนอยู่ในคฤหาสน์ทีเดียว
สำหรับอาคาร และห้องพักของโรงแรมชูชัยบุรี ก็มีโซนห้องพักหลากหลายทั้งแนวสวน ริมคลองลำปะโดง สไตล์วินเทจ เรือนไม้ และพูลวิลล่า ซึ่งแต่ละห้องจะได้รับการตกแต่งไป concept ที่แตกต่างกันไป เช่นอาคารมั่งมีและอาคารศรีสุข จะแต่งเป็นสไตล์ยุโรป ส่วนอาคารชัยคุ้มเมือง จะแต่งเป็นแนววินเทจ โดยมีสระว่ายน้ำอยู่บริเวณตรงกลางของอาคาร เอาเป็นว่าตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากันเลย

ต่อไปเรามาดูที่ห้องนอนกันบ้างครับ ห้องนอนก็จะมีความวินเทจ ผสมผสานในความเป็นไทยกับยุโรปเข้าด้วยกัน รวมไปถึงห้องที่ก็สวยงามไม่แพ้กัน


เรามาเดินดูบรรยากาศรอบๆกันบ้างครับ โรงแรมชูชัยบุรีนี้ บอกเลยว่าพื้นที่กว้างขวางมาก บรรยากาศร่มรื่น แถมอยู่ติดริมแม่น้ำเลย เดินออกจากโรงแรมไปแค่ 400 เมตร ก็ถึงตลาดน้ำอัมพวาแล้ว
ที่ชูชัยบุรีนี้ถือว่าเป็นอะไรที่มากกว่าโรงแรม สวยงาม ตระการตา ‘แต่ราคาสบายกระเป๋า’ เป็นโรงแรมของคุณชูชัย ชัยฤทธิเลิศนั่นเองครับ

มาถึงก็จะมีความหิวๆ นี่ก็ขอเบรกกันสักแปปกับช่วง Afternoon tea มีความชิลล์กับบรรยากาศ จิบชาร้อนๆ พร้อมชิมขนมหวานและเบเกอรี่

ภายในร้านก็สวยงาม เป็นกระจกดูแล้วโปร่งสบายตา มองเห็นวิวด้านนอกได้เต็มตา

นอกจากของหวานแล้ว นี่เค้าก็มีเมนูเด็ดของคาวอย่าง ‘ขาหมูทอดกรอบ’ ที่อร่อยมากกกก ผมชอบมากเลยอันนี้ กินลืมอ้วนครับ 55555+ กรอบนอกนุ่มใน จิ้มกับน้ำจิ้มก็เข้ากั๊นเข้ากัน

ต่อไปเราจะไปเดินดูบรรยากาศตลาดน้ำอัมพวากันบ้างครับ ซึ่งจริงๆแล้วที่ตลาดนี้จะมีคนมาเดินเที่ยวกันตลอดทั้งกลางวันกลางคืน แต่กลางคืนก็จะคึกคักมากเป็นพิเศษ


หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาครับ ฝากท้องที่นี่รับรองมีจุก 5555+ ของกินเยอะมากกกก มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น

เสน่ห์ของตลาดน้ำก็คือการขายของบนเรือแบบนี้ ใครที่มาเที่ยวที่นี่ นอกจากจะทานกันอยู่ด้านบนแล้ว ก็ลองเดินลงมาสั่งอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าบนเรือกันบ้างก็ดีน๊าาา


ส่วนมื้อเย็นวันนี้ ผมจะขอฝากท้องไว้ที่ ร้านอาหาร ณ คิดถึง ซึ่งเป็นร้านของทางโรงแรมชูชัยบุรี ที่นอกจากร้านจะสวยแล้ว อาหารก็อร่อย และแน่นอนครับว่าเราได้นั่งชมวิวริมคลองสวยๆกัน


และแล้วเราจะกลับมาเดินที่ตลาดน้ำอัมพวากันอีกรอบ แต่เราจะกลับมาเยือนในยามค่ำคืน พร้อมทั้งนั่งเรือชมตลาดและดูหิ่งห้อยกัน

ที่ตลาดน้ำอัมพวานี่ต้องเรียกว่ามีทู้กกกกกอย่าง ของกิน ของใช้ ของฝาก เสื้อผ้า ของแฮนด์เมด มาตลาดเดียวเที่ยวได้ทุกเพศทุกวัย เพราะมีความครบเครื่อง และมีเสน่ห์ที่คนรุ่นใหม่ก็หลงรัก ส่วนคนรุ่นเก่าก็จะได้ชวนคิดถึงวันวาน







การนั่งเรือชมตลาดและพาไปดูหิ่งห้อย จะเสียคนละ 60 บาทนะครับ นั่งประมาณ 30-40 นาที มีจุดจอดแวะให้ดูหิ่งห้อยกันหลายจุด


หลังจากที่เที่ยวเล่นกันจนจุใจแล้ว เราก็จะเดินกลับที่พักกันครับ ตลาดที่นี่จะเริ่มวายตอนช่วงประมาณสามทุ่มกว่าๆ ร้านค้าก็ทยอยเก็บของกัน ใครที่มากันดึกๆ อาจจะมีเวลาเดินได้แค่แปปเดียว ผมแนะนำให้มาช่วงหัวค่ำๆ จะบรรยากาศกำลังดีเลย


เช้ามาเราก็ไปเติมพลังกันด้วยอาหารเช้าที่มีให้เลือกหลายอย่างให้อิ่มท้องกันก่อนจะต้องเดินทางกลับกันในวันนี้

ในช่วงเช้าๆ อีกหนึ่งอย่างที่ไม่อยากให้พลาดกันคือการใส่บาตรกับพระที่จะพายเรือบิณฑบาตกัน เป็นวิถีชีวิตริมคลองที่น่ามาสัมผัส


แต่ก่อนที่จะเดินทางกลับ ผมก็ขอแวะไปชมพิพิธภัณฑ์ที่สะสมของเก่าของโบราณที่อยู่ภายในโรงแรมกันสักหน่อย
นอกจากนี้ก็ยังมีลานศรัทธาสำหรับขอพรจากองค์เทพ มีเทวรูปองค์เทพต่างๆรวมทั้งองค์พระศิวะสูงกว่า 6 เมตร โดยมีองค์พระศิวลึงค์หยกประดับเพชรและอัญมณีล้ำค่าเป็นองค์ประธานและได้ทำพิธีทางศาสนาพราหมณ์โดยพราหมณ์จากประเทศอินโดทั้งในพิธีเช้าและพิธีกลางคืน ซึ่งผมก็ขอแวะกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อนจะเดินทางกลับ
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เปิดให้เข้าชมได้ฟรีนะครับ สำหรับใครที่ไม่ได้เข้าพัก ก็สามารถเดินเข้ามาเที่ยวมาชมกันได้ แค่เดินลัดเลาะริมน้ำมา ก็จะเจอกับประตูทางเข้า สามารถเดินเข้ามาได้เลย


เป็นอันต้องบอกลาทริปอัมพวากันไปแล้ว ถือเป็นที่เที่ยวใกล้ๆ ที่มาเมื่อไหร่ก็อิ่มใจ อิ่มท้องกันไปถ้วนหน้า ได้มาพบกับความสุขใจในวิถีริมคลอง…